เจาะลึก! Sculptra นวัตกรรมฟื้นฟูคอลลาเจน เคลียร์ผิวแก่ คืนหน้าเด็ก

Sculptra

Sculptra นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่จะมาช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ล้ำลึกถึงโครงสร้างผิวชั้นลึก เป็นตัวช่วยที่จะมากู้ปัญหาผิวแก่ ริ้วรอยแห่งวัย ผิวหน้าหย่อนคล้อย ให้กลับมามีคุณภาพผิวที่ดีกว่าเคยได้ และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 2 ปี นับว่าเป็นนวัตกรรมแห่งวงการความงามที่หลายคนไม่ควรพลาด วันนี้ใครที่กำลังมองหาตัวช่วยคืนหน้าเด็กสุดล้ำแบบไม่ต้องง้อการผ่าตัด เดี๋ยวเรามาทำความรู้จักกับสารกระตุ้นคอลลาเจนตัวนี้แบบข้อมูลเจาะลึกอย่างละเอียด

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

Sculptra คืออะไร

Sculptra คือ อนุภาคของกรด Poly-L-Lactic acid (PLLA) จัดอยู่ในกลุ่มของ Collagen Biostimulator เป็นสารกำเนิดคอลลาเจนที่มาในรูปแบบฉีดเข้าสู่ผิวหน้า โดยมีคุณสมบัติพิเศษช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามกระบวนการธรรมชาติในร่างกายเราค่ะ ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูให้ผิวมีความอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้เฟิร์มขึ้น ทำให้ผิวแน่นอิ่มฟู เรียกได้ว่าบริการนี้จะมาเป็นฮีโร่ที่จะฟื้นคืนชีพให้ผิวที่ร่วงโรยให้กลับมาหน้าเด็กได้อีกครั้ง ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวได้ล้ำลึกถึงโครงสร้าง เผยผิวสุขภาพดีได้อย่างยาวนานกว่าที่เคยมีมาเลยค่ะ นอกจากนี้ผลิตยังเป็นนวัตกรรม Collagen Stimulator ตัวแรกและยังเป็นตัวเดียวของโลก! ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ดังนั้น คนไข้จึงมั่นใจได้เลยว่าการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน จะมีความปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ผิวหน้าจะค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายแน่นอนค่ะ

7 กระบวนการทำงานของ Sculptra สู่ผิวหน้าที่อ่อนเยาว์

  1. ตัวยา ที่ผสมกับ Sterile Water (น้ำสะอาดที่ผ่านการฆ่าเชื้อและใช้ในทางการแพทย์) ถูกฉีดในผิวหนังชั้นลึก Subcutaneous
  2. หลังฉีดผิวจะดูอิ่มฟูและถูกเติมเต็มขึ้นในทันที
  3. หลังฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน 2-3 วัน น้ำและส่วนประกอบอื่น ๆ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เหลือแต่อนุภาคของสารกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งอาจทำให้เห็นริ้วรอยร่องลึกได้ (ทั้งนี้เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ปกติ)
  4. หลังจากนี้ ตัวยา จะเริ่มกระตุ้นผ่านระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยดึงเซลล์ Macrophages ล้อมรอบอนุภาคของสารกระตุ้นคอลลาเจน และส่งสัญญาณให้เซลล์ Fibroblast รวมตัวกันมากขึ้น
  5. Fibroblast ที่เป็นเซลล์ต้นกำเนิดสร้างเส้นใยคอลลาเจนให้มีจำนวนมากขึ้น ทำให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรงยกกระชับ
  6. เมื่อเวลาผ่านไป อนุภาคของสารกระตุ้นคอลลาเจน จะค่อย ๆ สลายตัวตามธรรมชาติ เหลือเพียงคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่มาแทนที่ ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวได้ในระยะยาว
  7. ผิวหน้ายกกระชับ ผิวแน่นอิ่มฟู ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวได้ดีกว่าที่เคย ให้ผลยาวนานถึง 25 เดือน* (2 ปี)

ทำไมเราถึงต้องการคอลลาเจน

เมื่ออายุมากขึ้น แน่นอนค่ะว่าร่างกายของเราก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงและถดถอยลง รวมไปถึงโครงสร้างผิวหนังที่เสื่อมโทรมตามกาลเวลาและปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ริ้วรอยและความร่วงโรยของผิวจะเริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่อายุ 25 ปี มีผลให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงเรื่อย ๆ เฉลี่ยปีละ 1-2% และเมื่อเข้าสู่วัย 40 ปีขึ้นไป ร่างกายจะสามารถผลิตคอลลาเจนได้เพียง 20% เท่านั้น ซึ่งคอลลาเจนเปรียบเสมือนกาวชั้นดีที่ช่วยยึดเกาะเซลล์ต่าง ๆ ไว้ ทำให้ผิวกระชับ ผิวแน่นอิ่มฟู ผิวเรียบเนียนไร้ริ้วรอย เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายของเรามีคอลลาเจนที่ลดน้อยลง นั่นก็หมายความว่า ริ้วรอยตามร่องแก้ม ตีนกา และเส้นริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้าจะปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเองค่ะ นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมอายุมากขึ้น คุณภาพผิวกลับลดลง และทำไมเราถึงต้องการคอลลาเจน
ถ้าจะถามว่า “การบำรุงผิวด้วยครีมหรือเซรั่ม จะช่วยทำให้ผิวหน้าอ่อนวัยและลดเลือนริ้วรอยได้ไหม”…คำตอบคือ ได้ค่ะ แต่…เป็นการบำรุงผิวได้เฉพาะภายนอกเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถปรับโครงสร้างผิวหนังจากภายในได้ นั่นเท่ากับว่าคอลลาเจนที่ถูกผลิตน้อยหรือแทบไม่ผลิตขึ้นมาใหม่เลย ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เมื่อเวลาผ่านไปอายุเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้ใช้ครีมบำรุงดี ๆ ระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ก็เอาไม่อยู่จริง ๆ ดังนั้น ตัวช่วยที่ดีที่สุดก็คือ การฟื้นฟูผิวด้วยวิธีทางการแพทย์ อย่างการฉีด Sculptra ซึ่งเป็นตัวช่วยสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เป็นวิธีที่จะปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้นจากโครงสร้างผิวของเราค่ะ

หลายคนยังไม่ทราบว่า โดยทั่วไปแล้วร่างกายของเราจะมีคอลลาเจนอยู่มากมายหลายชนิด ซึ่งจะมี 5 ชนิดสำคัญและพบได้มากที่สุดคือ

  • Collagen Type I (คอลลาเจนชนิดที่ 1) เป็นชนิดที่มีในร่างกายมากที่สุดถึง 90% ของคอลลาเจนที่มีทั้งหมดในร่างกาย ซึ่งพบอยู่ในโครงสร้างกระดูก เอ็นยึดกล้ามเนื้อ ผิวหนัง กระจกตา และตามผนังหลอดเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่น ป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อฉีดขาด
  • Collagen Type II (คอลลาเจนชนิดที่ 2) มีความยืดหยุ่นมากกว่าคอลลาเจนชนิดที่ 1 และยังมีหน้าที่ที่ต่างกัน โดยจะช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์เซลล์ใหม่ และสร้างกระดูกอ่อนใหม่ จึงเป็นคอลลาเจนชนิดที่พบได้ในกระดูกและข้อ ช่วยให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก ลดความเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ นอกจากนี้ เมื่อทำงานร่วมกับ Glycosaminoglycans (ไกลโคสะมิโนไกลแคน) จะช่วยชะลอการลุกลามของโรคข้อต่อเสื่อมได้
  • Collagen Type III (คอลลาเจนชนิดที่ 3) พบได้ในผิวหนัง หลอดเลือด กล้ามเนื้อ ในผิวของเด็ก ในผิวใหม่ หรือผิวที่เป็นแผลสร้างขึ้นใหม่ เป็นคอลลาเจนชนิดที่พบร่วมกับชนิดที่ 1 แต่มีอัตราส่วนไม่มาก
  • Collagen Type IV (คอลลาเจนชนิดที่ 4) เป็นชนิดคอลลาเจนที่มีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งพบได้เฉพาะบริเวณเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้มไขมันและกล้ามเนื้อ รวมไปถึงเส้นใยฝอยของเยื่อบุผิวบริเวณนอกเซลล์ นอกจากนี้ ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด มีส่วนช่วยในการรักษาความสมบูรณ์ของผนังหลอดเลือดในข้อต่อ
  • Collagen Type V (คอลลาเจนชนิดที่ 5) พบได้ในบริเวณเดียวกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 ซึ่งเป็นชนิดคอลลาเจนที่เป็นองค์ประกอบของเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ โดยมักพบในเส้นผม ผิวของเซลล์ รกและเนื้อเยื่อของทารกในระหว่างการตั้งครรภ์ มีหน้าที่จัดเรียงเซลล์ผิวให้เป็นระเบียบ

จากคุณสมบัติของคอลลาเจนแต่ละชนิดที่กล่าวมาแล้ว จะสังเกตได้ว่า Collagen Type I เป็นชนิดที่พบมากที่สุดและเป็นโครงสร้างหลักในผิวหนัง ช่วยให้ผิวเกิดความยืดหยุ่นและแข็งแรง แต่ทั้งนี้เมื่อเราอายุเข้า 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนลดลง ในขณะที่การสลายตัวของคอลลาเจนยังเท่าเดิม ทำให้ผิวเริ่มหย่อนคล้อย มีริ้วรอยร่องลึกตามมา เราจึงต้องการคอลลาเจนที่ได้จากแหล่งอื่นเข้ามาทดแทน อย่างการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มมากขึ้น โดยผลการศึกษาวิจัยพบว่า หลังฉีดเป็นเวลา 3 เดือน จะช่วยกระตุ้นการผลิต Collagen Type I ได้มากถึง 66.5% ซึ่งเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ ยังไม่มีตัวไหนที่สามารถผลิต Collagen Type I ได้มากเท่ากับตัวยาในขณะนี้ค่ะ

Sculptra เหมาะกับใคร

Sculptra เหมาะกับใคร
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าร่วงโรย หมองคล้ำ ผิวโทรมแห้งเหี่ยว ผิวแห้งกร้านขาดน้ำ
  • ผู้ที่ต้องการมีผิวหน้าที่อ่อนเยาว์ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน แบบไม่ต้องผ่าตัด

Sculptra ช่วยอะไรบ้าง

  • ฟื้นฟูผิวได้ล้ำลึกถึงโครงสร้างใต้ชั้นผิวลึก ส่งผลให้คุณภาพผิวดีขึ้นจากภายใน
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มมากขึ้น คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวหน้า
  • ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้เฟิร์ม ผิวแน่นอิ่มฟู
  • ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ปรับผิวให้กระจ่างใส
  • สามารถทำร่วมกับหัตถการยกกระชับผิวหน้า เพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น

รีวิวจากคนไข้จริง

Sculptra ราคาเท่าไหร่

สำหรับโปรแกรม Sculptra ราคาเริ่มต้นที่ 29,000 บาท* (ต่อขวด) ซึ่งราคาอาจมีความแตกต่างและเหมือนกันในแต่ละเคส ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้พิจารณาว่าคนไข้แต่ละเคสจะต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่ จากปัจจัยเรื่องระดับปัญหาผิว รวมถึงช่วงอายุของคนไข้ เพื่อวางแผนการใช้ปริมาณยาให้เหมาะกับการแก้ไขปัญหาผิวที่ไม่เหมือนกันในแต่ละราย ช่วยให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพสูงสุดและตรงกับความต้องการของคนไข้มากที่สุดนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเรื่องของโปรโมชั่นที่จัดอยู่บ่อย ๆ ทำให้ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ แนะนำให้คนไข้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยการแอดไลน์ทักแชทได้ที่ LINE : @doctormekclinic (มี @ นำหน้า)

โปรโมชั่นเดือน เมษายน ของ Sculptra

จุดเด่นของ Sculptra

  • เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม Collagen Stimulator ตัวแรกและตัวเดียวของโลก ที่ได้รับรองคุณภาพและความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA)
  • มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอัตรายใด ๆ
  • ผลลัพธ์หลังฉีด คงอยู่ได้นานกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
  • ปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ แบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่อง
  • ไม่มีอันตราย สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ

Sculptra ต้องทำกี่ครั้ง

สำหรับการฉีด Sculptra แนะนำให้เข้ารับบริการอย่างต่อเนื่องประมาณ 2-3 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง โดยเว้นระยะการฉีดประมาณ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้อย่างยาวนาน ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินจำนวนครั้งในการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน ที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละเคส โดยขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของคนไข้แต่ละรายค่ะ

หลังฉีด เห็นผลได้ทันทีไหม ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม

หลังการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน จะยังไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำค่ะ หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงของผิวได้บ้างเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะสาร PPLA จะค่อย ๆ เข้าไปทำปฏิกิริยาในใต้ชั้นผิวลึก จากนั้นจึงเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มมากขึ้น ช่วยปรับโครงสร้างผิวให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเป็นธรรมชาติและต่อเนื่อง ซึ่งจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ใน 2-3 สัปดาห์หลังฉีด ค่ะ โดยจะให้ผลลัพธ์ยาวนานถึง 2 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล)

ฉีด Sculptra อันตรายไหม มีผลข้างเคียงหรือไม่

การฉีด Sculptra ไม่อันตรายแต่อย่างใดค่ะ เนื่องจากเป็น Collagen Biostimulator ที่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่เหลือตกค้างในร่างกาย และยังเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม Collagen Biostimulator ตัวแรกและตัวเดียวในโลกที่ผ่านการรับรองจาก US FDA ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตัวการันตีได้เลยว่ามีความปลอดภัยสูง ไม่เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด และโดยทั่วไปแล้ว หลังฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน ใน 2-3 วัน ผิวอาจมีอาการบวม แดง ช้ำ หรืออาการปวดเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติและจะหายได้เองค่ะ นอกจากนี้ หลังฉีดหากจับคลำเจอตุ่มนูนหรือก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิว ก็อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ เพราะสามารถนวดผิวบริเวณที่ฉีด ตามคำแนะนำของคุณหมอ เพื่อไม่ให้อนุภาคของตัวยาจับตัวเป็นก้อนค่ะ

ข้อควรระวัง และการปฏิบัติ ก่อน-หลัง เข้ารับบริการ

ก่อนเข้ารับบริการ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับข้อควรระวัง การเตรียมตัว รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีด เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและมีความปลอดภัยค่ะ

ข้อควรระวัง

  • ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และกำลังให้นมบุตรอยู่
  • หากมีประวัติการเกิดแผลคีลอยด์ (แผลเป็นนูน) ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวติดเชื้อ ผิวอักเสบ เป็นโรคผิวหนัง หรือมีแผลเปิด ควรทำการรักษาให้หายดีก่อน หรือแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน
  • หากมีประวัติการฉีดสารซิลิโคนเข้าสู่ใบหน้า ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อ

การเตรียมตัวก่อนฉีด

  • งดฉีดสารด้วยหัตถการการรักษาอื่น ๆ ก่อนเข้ารับบริการ ประมาณ 2-4 สัปดาห์
  • หยุดการใช้ยาแก้ปวด กลุ่มยาแอสไพริน เพื่อป้องกันอาการฟกช้ำ รวมถึงงดการรับประทานวิตามินที่มีผลให้เลือดหยุดไหลช้า เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา ฯลฯ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนฉีด
  • งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วันก่อนการฉีด

การดูแลตัวเองหลังฉีด เพื่อผลลัพธ์ที่ดี

  • หลังฉีด คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้น
  • หลังฉีด  24 ชั่วโมง สามารถประคบเจลเย็นได้ เพื่อลดอาการบวมช้ำ
  • หลังฉีด  2-3 ชั่วโมง สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้ตามปกติ
  • งดการเข้าซาวน่า งดการออกกำลังกายอย่างหนัก และงดการออกแดดจัด เป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังฉีด
  • หลังฉีด งดการฉีดสารด้วยหัตถการการรักษาอื่น ๆ โดยแนะนำให้เว้นระยะไปประมาณ 2-4 สัปดาห์ หรือตามที่แพทย์แนะนำ
  • หลังฉีด แล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้ทำการนวด โดยใช้หลักการแบบ Triple 5 เพื่อกระจายตัวยาทั่วบริเวณใบหน้า ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

4 Steps การนวดหลังฉีด Sculptra

วิธีนวดหลังฉีด Sculptra

หลังฉีด Sculptra จะต้องทำการนวดบริเวณใบหน้าเพื่อให้อนุภาคสาร PLLA กระจายตัวได้ทั่วใบหน้า ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะต้องทำการนวดแบบ Triple 5 คือ นวดครั้งละ 5 นาที นวด 5 ครั้งต่อวัน และนวดติดต่อกัน 5 วัน เดี๋ยวเรามาดู 4 ขั้นตอนการนวดหน้าอย่างถูกวิธีหลังฉีดกันค่ะ

  • Step 1 >> ใช้นิ้วหัวแม่มือนวดบริเวณขมับทั้ง 2 ข้าง และใช้กำปั้นค่อย ๆ นวดเคลื่อนจากบริเวณหน้าผากไปทางขมับด้านข้าง
    แทรกภาพการนวด Step ที่ 2
  • Step 2 >> ทำมือในลักษณะยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น แนบบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้าง (ตามภาพ) แล้วจึงค่อย ๆ เลื่อนจากหน้าแก้มออกไปบริเวณข้างแก้มพร้อมกัน โดยกดแล้วค่อย ๆ เลื่อนอย่างช้า ๆ
    แทรกภาพการนวด Step ที่ 3
  • Step 3 >> ใช้อุ้งมือกดบริเวณช่วงแก้ม แล้วค่อย ๆ นวดไล่จากด้านล่างขึ้นไปด้านบนจนถึงบริเวณโหนกแก้ม โดยทำซ้ำไปมาหลาย ๆ ครั้ง เพื่อช่วยยกกระชับผิวหน้า
    แทรกภาพการนวด Step ที่ 4
  • Step 4 >> ทำมือในลักษณะเดียวกับ Step 2 แนบบริเวณคาง จากนั้นค่อย ๆ นวดเลื่อนขึ้นไล่ไปตามแนวกราม

ฉีด Sculptra เคลียร์ผิวแก่ คืนหน้าเด็ก ที่ Doctor Mek Clinic

ที่ Doctor Mek Clinic เราเป็นผู้นำด้านความงามแบบครบวงจร โดยการเลือกใช้เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูง เข้ามาใช้รังสรรค์ความงามที่มีเพียงหนึ่งเดียวในแบบฉบับคนไข้แต่ละราย รวมไปถึงการนำผลิตภัณฑ์ตัวแม่แห่งวงการคอลลาเจน อย่าง Sculptra เข้ามาใช้อีกด้วย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าอย่างถูกต้อง ของแท้ ได้รับรองจากอย. หรือองค์การอาหารและยาของไทย (Thai FDA) และของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดโดยคุณหมอที่เป็นถึงระดับอาจารย์แพทย์ (อาจารย์หมอเมฆ) ด้านการปรับรูปหน้าและการดูแลผิวพรรณ รวมถึงทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง มีความรู้ในการใช้ผลิตภัณฑ์และทักษะในการฉีดผลิตภัณฑ์เข้าสู่ผิวอย่างมืออาชีพ ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่แท้จริง ผิวหน้าสวยอ่อนวัยอย่างปลอดภัย

FAQ คำถามที่พบบ่อย

Q: ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนเจ็บไหม ต้องแปะยาชาหรือเปล่า?

A: การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนจะมีการผสมตัวยากับยาชา ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแสบได้เล็กน้อยขณะฉีดตัวยาเข้าสู่ผิว แต่ทั้งนี้เป็นระดับความเจ็บที่สามารถทนได้แน่นอนค่ะ โดยอาจมีการแปะยาชาเพิ่มเพื่อลดความเจ็บที่เกิดจากเข็มที่จิ้มลงไปที่ผิวหนังขณะทำการรักษาค่ะ

Q: ฉีดพร้อมกับฟิลเลอร์ได้ไหม?

A: ในกรณีฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนที่เป็นบริเวณคนละตำแหน่งกัน สามารถฉีดฟิลเลอร์พร้อมกันได้ค่ะ รวมไปถึงการฉีดฟื้นฟูผิวด้วยสารอื่น ๆ เช่น Rejuran (รีจูรัน) และ Skin Booster เป็นต้น โดยต้องมีการเว้นระยะในการฉีดที่เหมาะสมดังนี้
กรณีที่ฉีดฟิลเลอร์มาก่อน แนะนำให้เว้นระยะห่างในการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนประมาณ 2 สัปดาห์ หรือตามที่แพทย์พิจารณาเห็นสมควร
กรณีที่ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนก่อน แนะนำให้เว้นระยะห่างในการฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 1 เดือน

Q: ฉีดพร้อมกับฉีดโบท็อกซ์ได้ไหม?

A: ไม่แนะนำให้ฉีดพร้อมกันค่ะ เนื่องจากหลังฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน จะต้องมีการนวดใบหน้า หากทำพร้อมกับการฉีดโบท็อกซ์จะทำให้ตัวยา toxin กระจายตัวไปตามจุดอื่น ๆ ที่เราไม่ต้องการ ซึ่งจะทำให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้ ทั้งนี้ แนะนำให้ฉีดตัวใดตัวหนึ่งก่อนได้และต้องฉีดห่างกันประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป หรือตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ

Q: ฉีดพร้อมกับการร้อยไหมได้หรือไม่?

A: ไม่แนะนำให้ทำพร้อมกันค่ะ เนื่องจากหลังฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน จะต้องมีการนวดใบหน้า ซึ่งโดยปกติแล้วหลังการร้อยไหมแล้วคุณหมอจะแนะนำไม่ให้คนไข้นวดใบหน้า ทั้งนี้ หากต้องการทำทั้ง 2 อย่าง แนะนำให้เว้นระยะห่างดังนี้
ร้อยไหมก่อนอย่างน้อย 2 เดือน ถึงจะสามารถเข้ารับการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน ได้
ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน ก่อนอย่างน้อย 1 เดือน ถึงจะสามารถเข้ารับการร้อยไหมได้

Q: ฉีดพร้อมกับการฉีดเมโสได้ไหม?

A: ไม่แนะนำให้ฉีดพร้อมกันค่ะ เนื่องจากเป็นการฉีดตัวยาเข้าสู่ผิวชั้นเดียวกัน และจะทำให้แพทย์ประเมินผลการรักษาได้ยาก ซึ่งแนะนำให้เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งคนละครั้งและเว้นระยะห่างที่เหมาะสมดังนี้

  • กรณีฉีดเมโสหน้าใส / เมโสแฟตก่อน แนะนำให้เว้นระยะห่าง 2 สัปดาห์ ก่อนฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน
  • กรณีฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน ก่อน แนะนำให้เว้นระยะห่าง 4 สัปดาห์ ก่อนฉีดเมโสหน้าใสหรือเมโสแฟต

Q: ฉีดพร้อมกับเครื่องยกกระชับได้ไหม?

A: สามารถทำได้ค่ะ โดยจะต้องแบ่งออกเป็น 3 กรณีดังนี้

  1. หากคนไข้สามารถรอได้ แนะนำให้ฉีด Sculptra ก่อนค่ะ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเว้นระยะห่างประมาณ 4-6 สัปดาห์ จึงค่อยนัดมาทำเครื่องยกกระชับใบหน้าได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น
  2. ในกรณีที่คนไข้ต้องการทำเครื่องยกกระชับก่อน เช่น HIFU, Ulthera หรือ Thermage ควรเว้นระยะห่างในการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนประมาณ 4 สัปดาห์
  3. ในกรณีที่คนไข้ไม่สะดวกเข้ามาอีกในภายหลัง ก็สามารถฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน พร้อมกับการทำเครื่องยกกระชับผิวหน้าในวันเดียวกันได้เลยค่ะ โดยแนะนำให้ยกกระชับหน้าด้วยเครื่องก่อน จากนั้นค่อยฉีด Sculptra ค่ะ

Q: สามารถฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน พร้อมกับการทำ Pico Laser ได้ไหม?

A: เนื่องจากการทำเลเซอร์ผิว Pico Laser อาจทำให้เกิดรอยและมีการบาดเจ็บของผิว จึงไม่แนะนำให้ทำพร้อมกับการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน แต่ทั้งนี้ สามารถเว้นระยะการทำให้ห่างกันประมาณ 1 เดือนขึ้นไปค่ะ

Q: สามารถทานวิตามินเสริมหลังฉีดได้ไหม?

A: หลังฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนคนไข้สามารถรับประทานวิตามินได้ค่ะ เช่น วิตามินซี, ซิงค์ หรือคอลลาเจนเปปไทด์ เพื่อช่วยให้การสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวดียิ่งขึ้น เป็นการเสริมประสิทธิภาพของผลลัพธ์ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก