อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุก็คือปัญหาแก้มตอบ หรือเห็นโหนกแก้มโดดขึ้นมาอย่างชัดเจน ซึ่งปัญหานี้มักเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นอายุที่เพิ่มขึ้น น้ำหนักตัวที่ลดลงหรือจากพันธุกรรม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เราอาจจะต้องไปไขข้อสงสัยกันต่อ แต่เมื่อเกิดปัญหานี้ขึ้นแน่นอนว่าเราก็ต้องการได้การรักษาที่ตอบโจทย์ การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ จึงเข้ามาเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในปัจจุบัน เพราะมันจะช่วยเติมเต็มเนื้อแก้มที่หายไปให้กลับมาดูอิ่มฟู มีน้ำมีนวลขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังทำให้ผิวดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้นด้วยการเสริมสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ให้ผิวเต่งตึง กระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด มีความปลอดภัยสูง ด้วยคุณสมบัติของบริการนี้เราจึงมักจะเห็นรีวิวฉีด filler แก้มตอบอยู่ตามแพลตฟอร์มด้านความงามอยู่บ่อย ๆ นั่นเองค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ (Hollow cheek filler) เป็นหัตถการด้านความงามที่ช่วยแก้ไขปัญหาเนื้อแก้มที่ยุบตัวลงเป็นแอ่งเล็ก ๆ จากหลายสาเหตุ ทำให้ใบหน้าดูเหลี่ยมเห็นโหนกแก้มอย่างเด่นชัด ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ก็จะเข้ามาช่วยเติมเต็มเนื้อผิวในบริเวณแก้มให้ดูอิ่มฟูขึ้นด้วยสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic acid หรือ HA) เป็นสารที่เมื่อฉีดเข้าไปแล้วใบหน้าดูมีน้ำมีนวล สดใส ให้ความเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูงเพราะเป็นสารที่เกิดขึ้นอยู่ในร่างกายของมนุษย์อยู่แล้ว

เราได้เกริ่นกันไปแล้วว่าปัญหาแก้มตอบนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ฉะนั้นเรามาช่วยไขข้อข้องใจกันว่าปัญหาแก้มตอบที่ทำให้ใบหน้าเราดูโทรมมันเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

1. อายุที่เพิ่มมากขึ้น พออายุมากขึ้นสิ่งที่ตามมาก็คือชั้นไขมันใต้ผิวหนังที่เป็นส่วนช่วยพยุงผิวหน้าเริ่มลดลง ทำให้แก้มที่เคยอิ่มฟูก็จะค่อย ๆ ซูบลงตามไปด้วยทำให้เกิดแก้มตอบ
2. พันธุกรรม สังเกตได้จากครอบครัวไหนหรือบ้านไหนที่มีญาติพี่น้องแก้มตอบ หรือมีโหนกแก้มสูงก็จะส่งผลให้ใบหน้าของเราก็จะดูตอบลงไปด้วย เกิดจากกระดูกส่วนล่างที่ยุบตัวมากเกินไปทำให้เนื้อบริเวณแก้มยุบตัวลงไปได้เช่นกัน
3. น้ำหนักที่ลดลงอย่างรวดเร็ว น้ำหนักตัวที่ลดลงอย่างรวดเร็วนอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพของเราแล้วก็ยังส่งผลต่อใบหน้าของเราด้วย ซึ่งเมื่อน้ำหนักลงก็จะทำให้เกิดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อหรือไขมันตามจุดต่าง ๆ จนทำให้ผิวหนังบริเวณใบหน้าและแก้มยุบลงนั่นเองค่ะ
4. การจัดฟัน ถอนฟัน เพราะการจัดฟันทำให้ฟันเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม อีกทั้งบางรายก็มีการถอนฟันหลายซี่ ทำให้แนวขากรรไกรบริเวณฟันและปากมีการหุบเข้าที่มากกว่าเดิม จึงทำให้การจัดฟันและการถอนฟันอาจมีผลที่มีให้เกิดแก้มตอบได้ค่ะ
5. การฉีดโบท็อกซ์กราม จริง ๆ แล้วการฉีดโบท็อกกรามเป็นเพียงแค่การทำให้กรามดูเล็กลงเท่านั้น แต่หากไปฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ในการรักษา เจอหมอเถื่อนที่ใช้ปริมาณไม่เหมาะสม ก็ส่งผลให้กล้ามเนื้อในบริเวณนั้นลดลงจนทำให้แก้มตอบลงไปด้วย

• ช่วยแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยบนใบหน้า
• ช่วยฟื้นฟูใบหน้าให้ดูสดใสขึ้น ไม่โทรม
• ช่วยเติมเต็มบริเวณแก้มที่เป็นแอ่งจากชั้นไขมันที่บางลงให้ดูฟูขึ้น
• ช่วยลดโหนกแก้ม ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
• ช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟู สุขภาพดี
• ช่วยปรับหรือเสริมโหงวเฮ้งตามความเชื่อ

• เหมาะกับคนที่มีปัญหาแก้มตอบจากการจัดฟัน อายุเพิ่มขึ้นหรือจากน้ำหนักที่ลดลง
• เหมาะกับคนที่มีปัญหาการยุบตัวลงของแก้มทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่ค่อยสดใส
• เหมาะกับคนที่ต้องการเติมเต็มใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
• เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาในการพักฟื้น 
• เหมาะกับคนที่ไม่อยากมีบาดแผลและต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว ๆ 

• หลังฉีดสามารถเห็นผลลัพธ์ได้เลยทันที*
• เป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้นนาน กลับไปทำงาน ช็อปปิ้ง หรือใช้ชีวิตได้ปกติ
• ตัวสารที่ฉีดเข้าไปสามารถสลายได้เองโดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในผิวหนัง
• ใช้เวลาทำไม่นาน สะดวกและรวดเร็ว
• หากไม่พอใจกับผลลัพธ์ก็สามารถไปฉีดสลายฟิลเลอร์ได้เลย
• ช่วยให้ใบหน้าดูเด็กขึ้น มีความสดใสไม่ดูโทรม

*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล*

ดูรีวิวเพิ่มเติม คลิกเลย!

ตามตำรานรลักษณ์ศาสตร์หรือความเชื่อโหงวเฮ้งใบหน้าที่ดีก็คือต้องมีเนื้อแก้มที่ดูอิ่มฟู รับกับแนวกรามของใบหน้า โหนกแก้มไม่สูงจนเกินไป ไม่มีร่องแก้มหรือร่องมุมปาก ไม่ดูหย่อนคล้อย ตามความเชื่อก็ช่วยในเรื่องของการถูกอุปถัมภ์จากผู้คน มีบริวารและมิตรที่ดี มีหน้าที่การงานดีจะอยู่อย่างสุขสบาย จึงทำให้การฉีด Filler แก้มตอบ นอกจากจะช่วยลดข้อบกพร่องบนใบหน้าได้แล้วก็ยังสามารถเสริมโหงวเฮ้งได้ตามความเชื่อของผู้คนบางกลุ่มได้ดีอีกด้วยค่ะ

ส่วนมากแพทย์จะนิยมเลือกใช้เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อนิ่ม ฉีดเข้าไปแล้วสามารถกระจายตัวได้ดี ให้ความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ปั้นทรงได้ง่าย ไม่ค่อยเป็นก้อน ซึ่งยี่ห้อที่ถูกนำมาใช้ก็จะมี Juvederm จากประเทศอเมริกา และ Restylane จากประเทศสวีเดนค่ะ แต่นอกจากนี้ก็จะมียี่ห้ออื่น ๆ อย่าง Belotero จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ Neuramis จากประเทศเกาหลี ทั้งหมดนี้ก็ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยทั้งจากอย.ของไทย USFDA และ KFDA เป็นที่เรียบร้อยค่ะ

ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับผู้เข้ารับบริการว่ามีปัญหามากน้อยแค่ไหน หรือมีสภาพผิวแบบไหน แต่โดยเฉลี่ยแล้วปริมาณที่แพทย์เลือกใช้รักษาแก้มตอบจะอยู่ที่ 1-2 cc ค่ะ แต่หากว่าใครต้องการเข้ามาใช้บริการฉีดแก้มตอบก็สามารถเข้ามาให้แพทย์ประเมินการรักษาเบื้องต้นก่อนได้เลยค่ะ

ด้วยความที่ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะดูใกล้เคียงกัน ทำให้หลายคนเกิดความลังเลว่าเราจะแก้ไขปัญหาแก้มตอบด้วยวิธีไหนดี แล้วสองตัวนี้มีความแตกต่างกันยังไง ไปดูกันเลยค่ะ

สาเหตุที่ทำให้ฉีดไปแล้วเกิดเป็นก้อนก็มักจะมาจากสาเหตุของความไม่ชำนาญ ขาดประสบการณ์ของแพทย์ มีการเลือกใช้ชนิดที่ไม่เหมาะสมกับปัญหาหรือตำแหน่งที่ฉีด จนทำให้เกิดเป็นก้อนแทนที่จะเรียบเนียนไปกับผิว ซึ่งหากใครที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่แนะนำให้รีบกลับมาพบแพทย์เพื่อทำการแก้ไข โดยการแก้ไขก็สามารถทำได้ตั้งแต่ฉีดสลาย Filler ไปจนถึงการผ่าตัดเอา Filler ออก แพทย์จะเป็นผู้ประเมินการรักษาให้อีกครั้งค่ะ

สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์แก้มตอบได้ไหม ?

หลายคนที่ทำไปแล้วแต่รู้สึกว่ายังไม่พอใจในผลลัพธ์ที่ได้ อยากเอาออกก็สามารถกลับเข้ามาให้แพทย์ฉีดสลายออกไปได้เลยค่ะ ซึ่งการฉีดสลาย Filler นี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อ Filler ที่คนไข้ได้รับเข้าไปนั้นเป็นสาร HA Filler แท้เท่านั้น และสำหรับใครที่สงสัยว่าถ้าฉีดสลายไปแล้วจะส่งผลกระทบอะไรต่อผิวหน้าไหม ขอบอกเลยว่าไม่มีผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่รูปหน้าของเราจะกลับคืนเป็นรูปทรงเดิมเหมือนตอนก่อนฉีดเท่านั้นเองค่ะ

เป็นอาการที่เกิดจากการใช้ Filler ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือใช้ Filler ปลอม เมื่อถูกฉีดเข้าไปสู่ชั้นใต้ผิวหนังส่งผลให้ตัวสารไม่สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติจึงทำให้สารของ Filler ไหลย้อยดูไม่เป็นรูปทรงนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ยังเกิดขึ้นได้จากความไม่ชำนาญในเทคนิคของแพทย์ ฉีดเข้าไปในปริมาณที่ไม่เหมาะสม หรือเลือกใช้ชนิดของสารที่ไม่เหมาะกับตำแหน่งที่ฉีดก็อาจเกิดปัญหาฟิลเลอร์ไหล

ราคาเริ่มต้นฉีด Filler แก้มตอบจะอยู่ที่ 9900 บาท* ทั้งนี้บางรายอาจมีอัตราค่าบริการที่ไม่เหมือนกัน เนื่องจากหัตถการนี้แพทย์จะมีการประเมินสภาพผิวแบบรายบุคคล ดังนั้นแต่ละคนก็อาจจะปริมาณการใช้ Filler ที่แตกต่างกันออกไปค่ะ ผู้ที่สนใจสามารถขอรับการปรึกษาและให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเข้ามาประเมินการรักษาให้เบื้องต้นก่อนได้เลยนะคะ

รับโปรโมชั่นพิเศษ คลิกเลย!

ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ที่ไหนดี เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจมากพอสมควรเลยล่ะค่ะ เพราะเราต้องดูให้แน่ใจว่าคลินิกที่เราเลือกมีความน่าเชื่อถือไหม ทำออกมาแล้วเป็นยังไง ซึ่งเราก็มีหลักการเบื้องต้นในการพิจารณาคลินิกที่ได้มาตรฐานมาประกอบการตัดสินใจค่ะ

1. ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงในการรักษา มีประสบการณ์และความชำนาญมากพอในการปรับรูปหน้าของคนไข้ มีคำแนะนำที่ดี
2. ควรเลือกใช้บริการกับคลินิกที่มีการเปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีป้ายชื่อสถานพยาบาล เลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก
3. ควรเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อจาก สังเกตได้จากคนที่เคยเข้ามาใช้บริการจริง มีรีวิวจริงประกอบการรักษาทุกหัตถการ ทั้งในรูปแบบของภาพ วิดีโอผ่านทุก ๆ แพลตฟอร์มของโซเชียล
4. ควรเลือกคลินิกที่ให้ความซื่อสัตย์ต่อผู้เข้ารับบริการโดยการเลือกใช้ Filler แท้ มีการรับรองคุณภาพจากอย. สามารถขอนำมาตรวจสอบแหล่งที่มา หรือบริษัทนำเข้าได้ทุกชิ้น
5. ควรเลือกคลินิกที่มีการเดินทางสะดวกสบาย กว้างขวาง สะอาดสะอ้านทุกห้อง และทุกอุปกรณ์ทางการแพทย์ มีกลิ่นหอม

• รับรองคุณภาพฝีมือด้วยรางวัลอันดับหนึ่งด้านฟิลเลอร์หลายสาขา และหลายสมัยซ้อน
  รางวัลอันดับ 1 Single Clinic ที่มียอดฉีดฟิลเลอร์สูงสุดรวมทุกแบรนด์ในประเทศไทย 5 สมัยซ้อน ปี 2018 – 2022
  รับชมคลิปเพิ่มเติม คลิก https://www.youtube.com/watch?v=7-qNwYXNqCY
• อาจารย์หมอเมฆ เป็นอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรง มีความรู้ความสามารถด้านการปรับรูปหน้าให้เข้ารับคนไข้รายบุคคล ทั้งยังเป็นหนึ่งในอาจารย์แพทย์สอนเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ให้กับบริษัทชั้นนำ
• ทีมแพทย์ด็อกเตอร์เมฆ คลินิกมีประสบการณ์ด้านการฉีด Filler มาอย่างยาวนาน สามารถวิเคราะห์ ประเมิน และวางแผนการรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของคนไข้ อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ดูดีขึ้นเข้ากันกับรูปหน้า
• คลินิกเราใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้ทุกยี่ห้อ โดยผ่านการรับรองทั้งจากอย.ของไทยและผ่านการรับรองตามหลักมาตรฐานสากล สามารถนำกล่องไปตรวจสอบแหล่งที่มาได้ทุกชิ้น
• ยืนยันฝีมือการรักษาด้วยฉายา ‘หมอของดารา’ ที่เหล่านักแสดงชื่อดังในวงการบันเทิงหลายท่านเลือกเข้ามาใช้บริการกับทางคลินิก แล้วเกิดพึงพอใจในผลลัพธ์ที่ได้จนกลับมาใช้บริการซ้ำ สู่การบอกต่อกันปากต่อปาก
• รีวิวจากผู้มาใช้บริการจริงทุกหัตถการ โดยเฉพาะโปรแกรมฟิลเลอร์ที่เรามักจะไลฟ์สดการฉีด Filler ผ่านช่องทาง Facebook เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริงหลังทำทันที*
• คลินิกเรามีการเดินทางที่สะดวกสบาย ใกล้ถนนหลายเส้น ใกล้รถไฟฟ้า และใกล้กับห้างสรรพสินค้าที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
• ภายในคลินิกได้รับการทำความสะอาดอยู่เสมอทุกห้อง และทุกอุปกรณ์การรักษามีความปลอดเชื้อ มีการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน มีกลิ่นหอมให้ความผ่อนคลายและให้บรรยากาศที่ดีต่อผู้เข้ารับบริการ 

ส่วนหนึ่งของรีวิวจากผู้ที่เคยเข้ามาใช้บริการจริงกับทางคลินิก ซึ่งส่วนมากต่างประทับใจในผลลัพธ์ที่ได้ ใบหน้าดูเด็กขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ มีน้ำมีนวลขึ้นจากเดิมและเห็นผลลัพธ์เร็วหลังทำทันที* ไม่ต้องรอนาน มีความมั่นใจมากขึ้น (ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยให้บริเวณแก้มดูฟูขึ้น ใบหน้ากลับมาเรียบเนียน เต่งตึง กระชับขึ้นจากเดิม อีกทั้งยังช่วยให้ใบหน้าของเรากลับไปย้อนวัยได้อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นแนะนำให้ใช้บริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์ควรมีความชำนาญด้านการฉีด filler จึงจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูดีขึ้นอย่างไร้ข้อกังวล โดยเราสามารถนำรีวิวต่าง ๆ มาประกอบการตัดสินใจได้เลยค่ะ

หลังฉีดกี่วันถึงจะเห็นผล

คนไข้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีเลยค่ะตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ* แต่ในขณะเดียวกันบางรายอาจมีรอยบวม หรือมีแผลเล็กน้อยจากรอยเข็มที่ฉีดเข้าไป ซึ่งมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองภายใน 2-7 วัน จากนั้นผลลัพธ์จะดูดีขึ้นอย่างเต็มที่โดยใช้ระยะเวลา 1 สัปดาห์ค่ะ

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน

ระยะเวลาที่ชัดเจนของผลลัพธ์คงไม่สามารถระบุได้อย่างแม่นยำ เพราะมันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล สภาพผิวที่แตกต่างกันออกไปรวมไปถึงชนิดของสารเติมเต็มที่มีระยะเวลาการคงตัวอยู่ที่ไม่เหมือนกัน แต่โดยปกติจะเฉลี่ยอยู่ที่ 8 เดือนถึง 2 ปี เลยค่ะ หากคนไข้ต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้นแนะนำให้ปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์ และดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายค่ะ

ฉีดแก้มตอบ อันตรายไหม ?

หลายคนตั้งคำถามว่าหากฉีดเข้าไปที่บริเวณแก้มแล้วมีโอกาสเกิดอันตรายต่อร่างกายหรือผิวหนังของเราไหม ขอตอบตรงนี้เลยว่า ไม่เป็นอันตรายค่ะ เนื่องจากว่าตัวสารที่ฉีดเข้าไปนั้นให้ความปลอดภัยกับผิวหนัง และยังเป็นสารที่ถูกผลิตขึ้นมาเลียนแบบกับเซลล์ในร่างกายจึงมีความปลอดภัยสูง เมื่อได้รับการดูแลกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการฉีดรวมไปถึงการใช้สาร filler แท้

หลังฉีดห้ามกินอะไรบ้าง

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหลังใช้บริการฉีด Filler แก้มตอบได้แก่

• อาหารที่มีรสจัดจ้าน เช่น ยำ ส้มตำรสจัด
• อาหารที่มีโซเดียมเยอะ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง
• อาหารหมักดอง เช่น ปลาร้า กิมจิ
• อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เช่น ซอยจุ๊
• อาหารที่ให้ความร้อน เช่น ชาบู ปิ้งย่าง หมูกระทะ
  เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีส่วนประกอบที่ทำให้แผลหายช้า หรือกระตุ้นให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ทำให้เกิดอาการบวมช้ำ หรือเกิดการอักเสบได้ค่ะ แต่ถ้าถามว่าต้องงดตลอดไปเลยรึเปล่า ? คำตอบคือไม่ค่ะ เพียงแค่หลีกเลี่ยงไปก่อนในช่วงระยะแรกหลังฉีดประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ

หลังฉีดฟิลเลอร์ควรกินอะไรดี

อาหารที่ควรค่าแก่การรับประทานหลังฉีดฟิลเลอร์ก็คืออาหารที่ให้คุณค่าต่อร่างกายครบ 5 หมู่ หรืออาหารที่มีผักเยอะ ๆ เพื่อเสริมสร้างให้ผลลัพธ์ดูดีขึ้น พร้อมทั้งช่วยฟื้นฟูเกิดการสมานแผลได้อย่างรวดเร็วขึ้น หรืออาจจะรับประทานผลไม้ที่ให้วิตามิน เพื่อให้สารอาหารเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง

ฉีดแล้วเป็นคลื่น ๆ ไม่เรียบเนียน เกิดจากอะไร

บางคนไปฉีดฟิลเลอร์มาแล้วผลลัพธ์ที่ได้เป็นคลื่น ไม่เรียบเนียนไปกับผิวหน้า ซึ่งสาเหตุก็มาจากการเลือกใช้ชนิดของสารผิดประเภท แพทย์ไม่มีประสบการณ์ในการฉีดที่มากพอ เพราะ Filler แต่ละยี่ห้อต่ละรุ่นก็มีการใช้งานในแต่ละจุดแตกต่างกันและมี texture ไม่เหมือนกัน อย่างเช่น เนื้อแข็งที่เหมาะสำหรับใช้ปั้นทรง กรอบหน้า คาง เนื้อนิ่มเหมาะสำหรับเติมร่อง ริ้วรอยตื้น ๆ เป็นต้น

ฟิลเลอร์แก้มตอบทำให้หน้าดูอ้วนขึ้นไหม ?

หลายคนที่ทำไปแล้วแต่รู้สึกว่ายังไม่พอใจในผลลัพธ์ที่ได้ อยากเอาออกก็สามารถกลับเข้ามาให้แพทย์ฉีดสลายออกไปได้เลยค่ะ ซึ่งการฉีดสลาย Filler นี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อ Filler ที่คนไข้ได้รับเข้าไปนั้นเป็นสาร HA Filler แท้เท่านั้น และสำหรับใครที่สงสัยว่าถ้าฉีดสลายไปแล้วจะส่งผลกระทบอะไรต่อผิวหน้าไหม ขอบอกเลยว่าไม่มีผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่รูปหน้าของเราจะกลับคืนเป็นรูปทรงเดิมเหมือนตอนก่อนฉีดเท่านั้นเองค่ะ

เมื่อสารเติมเต็มสลายไปแล้ว สามารถกลับมาฉีดซ้ำอีกได้ไหม ?

เมื่อเวลาผ่านไปตัวสารก็จะค่อย ๆ สลายหายไปเองและเมื่อฟิลเลอร์สลายไปแล้วคนไข้สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้เรื่อย ๆ เลยค่ะ โดยปกติแล้วตัว filler จะอยู่ได้ 8 เดือนไปจนถึง 2 ปี หากคนไข้รู้สึกว่ามันค่อย ๆ หายไปแล้วก็สามารถเข้ามาให้แพทย์ช่วยประเมินและทำการฉีดเติมเต็มเข้าไปใหม่อีกได้เลยค่ะ