Juvederm อีกหนึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์สุดฮิตสัญชาติอเมริกาที่ได้รับความนิยมและถูกใช้ในแวดวงความงามกันอย่างแพร่หลาย ได้รับรองมาตรฐานอย่างถูกต้องจากองค์การอาหารและยาในไทย (Thai FDA) รวมถึงของสหรัฐอเมริกา (US FDA) นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ Juvederm ยังออกผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์มาหลากหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นต่างก็มีคุณสมบัติและความเหมาะสมสำหรับนำมาเติมเต็มใบหน้าในบริเวณที่แตกต่างกันไป วันนี้ Doctor Mek Clinic จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ Juvederm กันให้มากยิ่งขึ้นว่าแต่ละรุ่นมีอะไรบ้าง ใช้ฉีดตรงไหน ราคาเท่าไหร่ ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม ใครอยากสวย อยากอินเทรนด์ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มเพิ่มความอ่อนวัยให้กับใบหน้า ต้องไม่พลาดบทความนี้ค่ะ!
Juvederm คืออะไร
Juvederm หรือ Juvederm Filler คือ ยี่ห้อของสารเติมเต็มในกลุ่มของไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เป็นฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกาที่ได้รับความนิยมและได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ความงามทั่วโลก ซึ่งถูกผลิตโดยบริษัท Allergan (บริษัทเดียวกันกับที่ผลิต Botox Allergan) โดยถูกนำมาใช้เพื่อปรับรูปหน้า เติมเต็ม และแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้า โดยเมื่อเวลาผ่านไป ตัวสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid จะสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่เหลือตกค้างในร่างกาย นับว่าเป็นสารเติมเต็มที่มีความปลอดภัยสูง เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองอย่างถูกต้องจากองค์การอาหารและยาของไทย (Thai FDA) และประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA)
สำหรับฟิลเลอร์ Juvederm เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ที่เทคโนโลยีการผลิตแบบเฉพาะ ออกแบบผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์มาหลากหลายรุ่นเพื่อตอบสนองกับการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันออกไป โดยแต่ละรุ่นของฟิลเลอร์ Juvederm จะมีเนื้อเจลและคุณสมบัติที่ต่างกัน ทำให้แพทย์ที่มีประสบการณ์สามารถเลือกรุ่นที่เหมาะสมตรงตามปัญหาของคนไข้แต่ละรายได้ค่ะ
2 เทคโนโลยีการผลิตของ Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งในแต่ละรุ่นของฟิลเลอร์จะมีส่วนผสมของยาชาอยู่ด้วย หรือที่เรียกว่า “Lidocaine” ทำให้ขณะที่แพทย์ที่มีประสบการณ์ทำการฉีดฟิลเลอร์เข้าไป คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บค่ะ สำหรับฟิลเลอร์ Juvederm จะมีเทคโนโลยีการผลิตแบบเฉพาะตัว ซึ่งแบ่งออกเป็น Hylacross Technology และ Vycross Technology โดยในแต่ละเทคโนโลยีการผลิตจะทำให้ฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มในแต่ละรุ่นนั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันค่ะ
-
Hylacross Technology
Hylacross Technology เป็นเทคโนโลยีการผลิตของ Juvederm ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นตรงที่เนื้อเจลฟิลเลอร์สามารถอุ้มน้ำได้ดี เมื่อฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วจะทำให้ผิวฟู เติมวอลลุ่มให้ผิว เหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึก หรือในตำแหน่งที่ซูบตอบจากไขมันบริเวณนั้นหายไป เช่น เติมเต็มบริเวณแก้มตอบให้มีวอลลุ่มขึ้น รวมไปถึงเนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง ทำให้มีคุณสมบัติทนต่อการเคลื่อนไหวหรือขยับได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะสำหรับนำมาฉีดฟิลเลอร์บริเวณที่ขยับบ่อย ๆ อย่างตรงร่องแก้ม เป็นต้น แต่ทั้งนี้ ฟิลเลอร์ Juvederm ที่ถูกผลิตด้วยเทคโนโลยีนี้ จะต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ในการฉีดฟิลเลอร์ค่อนข้างสูง เนื่องจากหากฉีดมากเกินไปอาจทำให้ใบหน้าบวมมาก จึงต้องกะปริมาณฟิลเลอร์อย่างแม่นยำในการฉีดค่ะ
- รุ่นของฟิลเลอร์ Juvederm ที่อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี Hylacross ได้แก่ Juvederm Ultra XC และ Juvederm Ultra Plus XC
-
Vycross Technology
ต่อมาเป็นเทคโนโลยีการผลิตล่าสุด Vycross Technology ซึ่งถูกพัฒนามาจากเทคโนโลยีแรก โดยให้เนื้อฟิลเลอร์มีความอุ้มน้ำลดลง มีโมเลกุลที่ยึดเกาะได้ดี ซึ่งเน้นให้มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการยกกระชับผิว เมื่อนำมาเติมเต็มแล้วทำให้ผิวเรียบเนียน สวยเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ Juvederm ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีนี้ ยังมีข้อดีตรงที่ช่วยทำให้แพทย์ที่มีประสบการณ์ทำการกำหนดหรือกะปริมาณฟิลเลอร์ได้ง่ายขึ้นค่ะ โดยฟิลเลอร์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีนี้จะเหมาะกับการนำมาเติมเต็มเพิ่มความอิ่มเอิบให้ริมฝีปาก หรือนำมาเติมร่องแก้มให้ตื้นขึ้น
- รุ่นของฟิลเลอร์ Juvederm ที่อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี Vycross ได้แก่ Juvederm Volite, Juvederm Voluma, Juvederm Volift, Juvederm Volbella และ Juvederm Volux
จุดเด่นของฟิลเลอร์ Juvederm
- เป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง มีส่วนผสมของยาชา ช่วยลดอาการเจ็บขณะฉีดฟิลเลอร์
- มีเทคโนโลยีการผลิตเป็นของตัวเอง ออกแบบฟิลเลอร์มาหลายรุ่นเพื่อการแก้ไขปัญหาใบหน้าที่แตกต่างกัน ตอบโจทย์ครอบคลุม
- โมเลกุลของฟิลเลอร์มีความคงตัว อุ้มน้ำได้ดี และยืดหยุ่นสูง ทนกับการขยับของใบหน้าได้ดี มีความโดดเด่นในเรื่องเติมเต็มผิวและยกกระชับ
- ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่พิเศษ ช่วยลดอาการบวมช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์ไปได้มาก
- ฉีดแล้วเรียบเนียนไปกับผิว ไม่เป็นก้อน ดูเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ Juvederm มีกี่รุ่น แต่ละรุ่นฉีดตรงไหนได้บ้าง
อย่างที่อธิบายไว้ในตอนต้นนะคะว่า ฟิลเลอร์ Juvederm มีอยู่ด้วยกันหลากหลายรุ่น ซึ่งในแต่ละรุ่นจะถูกแบ่งออกตามเทคโนโลยีกระบวนการผลิต ทำให้ได้คุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันออกไปด้วย เดี๋ยวเรามาดูกันค่ะว่า ฟิลเลอร์ Juvederm แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างไร แต่ละรุ่นฉีดแล้วผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน
Juvederm Volite
สำหรับ Juvederm Volite เป็นรุ่นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลเล็กละเอียด เนื้อเจลฟิลเลอร์มีลักษณะบางเบา เมื่อฉีดแล้วจะกลืนไปกับผิวได้ดี เป็นรุ่นที่หลังฉีดแล้วจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและผิวเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ เน้นในเรื่องงานปรับคุณภาพผิว
เหมาะสำหรับ : ฉีดเติมเต็มในบริเวณที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ ตื้น ๆ เช่น ฟิลเลอร์ใต้ตา หรือบริเวณลำคอ และริ้วรอยบริเวณใบหน้าตามจุดอื่น ๆ
ระยะเวลาของผลลัพธ์ : อยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน* (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
Juvederm Voluma
ฟิลเลอร์ Juvederm Voluma เป็นชนิดฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีขนาดโมเลกุลใหญ่ และมีความฟูปานกลาง ยืดหยุ่นได้ดี เหมาะสำหรับนำมาฉีดเพื่อปั้นรูปทรง ฉีดแล้วไม่ไหลง่าย เพราะมีความหนาแน่น รวมถึงนำมาใช้ฉีดเติมเต็มบริเวณที่เป็นแอ่งหรือร่องลึก
เหมาะสำหรับ : ฟิลเลอร์คาง, เติมเต็มขมับ, เติมเต็มใต้ตาที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกในบริเวณที่เป็นผิวชั้นลึก, ฟิลเลอร์ร่องแก้ม, เติมแก้มตอบ และหน้าแก้ม (ลิฟหน้าแก้ม)
ระยะเวลาของผลลัพธ์ : อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน* (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
Juvederm Volift
สำหรับฟิลเลอร์ Juvederm Volift จะมีจุดเด่นตรงที่เนื้อเจลนิ่มระดับปานกลาง ยืดหยุ่นดี และละเอียดมากกว่ารุ่นอื่น ๆ จึงเหมาะกับคนที่มีผิวบาง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมาก ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน ผิวเนียนเรียบ เหมาะสำหรับนำมาเติมเต็มในบริเวณที่เป็นร่องที่ไม่ลึกมากหรือชั้นตื้น
เหมาะสำหรับ : ฉีดเก็บรายละเอียดพวกริ้วรอยบาง ๆ ไม่ลึกมาก, ฉีดร่องแก้ม, ร่องมุมปาก และบริเวณใต้ตา
ระยะเวลาของผลลัพธ์ : อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน* (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
Juvederm Volbella
ฟิลเลอร์ Juvederm Volbella เป็นรุ่นที่มีโมเลกุลขนาดเล็กและมีความละเอียดมากที่สุด เนื้อเจลฟิลเลอร์นิ่ม ให้ความฟู ฉีดแล้วผิวเนียนเรียบ เน้นฉีดในรายที่ไม่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มมากนัก หลังฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี จึงเหมาะสำหรับนำมาเติมความชุ่มชื่นให้ผิว
เหมาะสำหรับ : ฟิลเลอร์หน้าผาก ปรับให้ผิวเรียบเนียน, ฉีดใต้ตาชั้นลึก (ตามแนวกระดูกเบ้าตา), เติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่มชุ่มชื่น
ระยะเวลาของผลลัพธ์ : อยู่ได้นานประมาณ 12-15 เดือน* (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
Juvederm Volux
ปิดท้ายกับฟิลเลอร์ Juvederm ที่อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีการผลิต Vycross สำหรับ Juvederm Volux เป็นรุ่นฟิลลเอร์ที่มีความหนาแน่นสูง เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็ง ยืดหยุ่นได้ดี จึงนิยมนำมาปั้นแต่งทรงให้คงรูปได้สวย สร้างแนวกราม ปรับรูปหน้า และยังช่วยยกกระชับได้ดี
เหมาะสำหรับ : ปรับรูปทรง เพิ่มความยาวที่คาง, สร้างแนวของขากรรไกรให้คมชัด และปรับกรอบหน้าให้ชัดมากยิ่งขึ้น
ระยะเวลาของผลลัพธ์ : อยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน* (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
Juvederm Ultra XC
มาถึงรุ่นฟิลเลอร์ Juvederm ที่อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี Hylacross กันบ้างค่ะ สำหรับรุ่น Juvederm Ultra XC ซึ่งมีลักษณะโดดเด่นที่เนื้อฟิลเลอร์ที่นิ่ม กลืนไปกับผิวได้เรียบเนียนสวยเป็นธรรมชาติ มีคุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้มาก จึงทำให้เนื้อฟู ซึ่งนิยมนำมาเติมเต็มร่องลึกและเติมส่วนที่ยุบตอบค่ะ
เหมาะสำหรับ : แก้ปัญหาร่องลึก และฉีดเติมเต็มบริเวณแก้มตอบ ขมับตอบ ฉีดจมูกและคาง
ระยะเวลาของผลลัพธ์ : อยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน* (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
Juvederm Ultra Plus XC
Juvederm Ultra Plus XC รุ่นนี้มาด้วยเนื้อเจลที่ค่อนข้างแน่น คงตัวสูง และมีค่าอุ้มน้ำสูง ทำให้เนื้อมีความฟู นอกจากนี้ ยังทนต่อการขยับได้ค่อนข้างสูง ซึ่งส่วนมาจะนำมาฉีดเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปในระดับมาก หรือต้องการเน้นให้บริเวณนั้น ๆ มีความอิ่มฟู เติมวอลลุ่มที่เยอะ
เหมาะสำหรับ : เติมเต็มแก้มตอบ ขมับตอบ ร่องแก้มลึก และปรับรูปทรงคาง
ระยะเวลาของผลลัพธ์ : อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน* (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
ฟิลเลอร์ Juvederm โดดเด่นหรือแตกต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร
อย่างที่ได้อธิบายไว้ในรายละเอียดข้างต้นค่ะว่า Juvederm Filler มีความโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีการผลิตแบบเฉพาะตัว ซึ่งออกแบบมาหลากหลายรุ่น เพื่อการแก้ไขปัญหาบนใบหน้าที่แตกต่างกันไป โดยโมเลกุลของฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นที่ผลิตจากเทคโนโลยี Hylacross Technology จะมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดีมาก ฉีดไปแล้วจะมีความฟูของผิว จึงเหมาะสำหรับนำมาฉีดบริเวณที่ต้องขยับบ่อย ๆ ในขณะที่ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี Vycross Technology จะถูกพัฒนาให้มีค่าอุ้มน้ำที่ลดลง จึงนำมาฉีดฟิลเลอร์เพื่อยกกระชับมากกว่า ซึ่งฟิลเลอร์ Juvederm จะมีส่วนผสมของยาชาผสมอยู่ในปริมาณเล็กน้อย จึงช่วยลดความเจ็บในขณะที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ค่ะ นอกจากนี้ Juvederm Filler ยังมีความโดดเด่นที่ทำให้หลังฉีดฟิลเลอร์แล้ว เกิดอาการบวมช้ำได้น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับสารเติมเต็ม HA จากยี่ห้ออื่น และเนื้อเจลฟิลเลอร์ที่นิ่ม กลืนไปกับผิวได้ดี ทำให้ฉีดแล้วผิวเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ และยังเป็นยี่ห้อที่มีเทคโนโลยีการผลิตที่ให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน รวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อให้แพทย์ใช้งานได้ง่าย โดยการออกแบบไซริงค์ที่บรรจุสารเติมเต็ม HA มาให้ จึงช่วยให้แพทย์ที่มีประสบการณ์มีการควบคุมปริมาณยาได้ดี จัดการบริหารยาได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงจากผลข้างเคียงได้ค่ะ
ฟิลเลอร์ Juvederm ดีกว่ายี่ห้ออื่นจริงไหม
ถ้าหากจะถามว่า ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์ Juvederm ดีที่สุดไหม ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์แบรนด์ไหน ๆ ก็ล้วนแต่มีคุณสมบัติในการเติมเต็มผิวพรรณและแก้ปัญหาบนใบหน้าได้ดีค่ะ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นฟิลเลอร์ยี่ห้อที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) เท่านั้น ซึ่งในแต่ละแบรนด์ล้วนมีเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และในแต่ละรุ่นต่างก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงราคาที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น การพิจารณาเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี เราเหมาะกับรุ่นไหนมากที่สุด แพทย์ที่มีประสบการณ์จะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำค่ะ ซึ่งจะต้องสอบถามความพึงพอใจของคนไข้ด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ดี แก้ไขได้อย่างตรงจุด และตรงกับความต้องการของคนไข้มากที่สุดนั่นเองค่ะ
ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาเท่าไหร่
ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 9,999 บาท* ซึ่งราคาอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับบริเวณที่จะทำการฉีดเติมเต็มของแต่ละคน ซึ่งในแต่ละบริเวณบนใบหน้าจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ไม่เท่ากัน ซึ่งจะต้องพิจารณาจากบริเวณที่จะฉีดแล้ว แพทย์ที่มีประสบการณ์จะทำการประเมินปัญหาของคนไข้ในแต่ละราย เพื่อคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ทั้งงหมดที่จะใช้และรุ่นของฟิลเลอร์ที่เหมาะสม รวมถึงอาจมีเทคนิคอื่น ๆ ร่วมด้วย นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นที่จัดรายการในแต่ละช่วงเวลา สำหรับใครที่สนใจ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอด้วยตัวเอง เพื่อเข้ารับการตรวจและประเมินอย่างละเอียด หรือสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ค่ะ
ทำไมฟิลเลอร์ Juvederm ราคาสูงกว่ายี่ห้ออื่น ๆ
หลายคนสงสัยว่า ทำไม Filler Juvederm จึงมีราคาที่สูงกว่าแบรนด์อื่น ๆ นั่นอาจเป็นเพราะ Filler Juvederm เป็นผลิตภัณฑ์สารเติมเต็ม HA ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูงเลยทีเดียวค่ะ จึงทำให้มีการแข่งขันทางการตลาดที่สูงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ ต้นทุนการผลิตที่สูง ทั้งงานวิจัย, ตัวเทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยี หรือแม้แต่ปัจจัยในเรื่องประเทศที่ทำการผลิต และปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่ทำให้ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาค่อนข้างสูงกว่ายี่ห้ออื่น ๆ แต่ทั้งนี้ บางคลินิกหรือสถานพยาบาลอาจมีราคาที่แตกต่างกันออกไปอีก ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญ เทคนิคที่ใช้ รวมไปถึงประสบการณ์ของแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งไม่ว่าจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ก็ควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ เลือกใช้แต่ฟิลเลอร์ Juvederm ที่ได้รับรองอย่างถูกต้องจากอย. เท่านั้นค่ะ ซึ่งต้องเป็นผลิตภัณฑ์ Juvederm ที่สั่งซื้อโดยตรงจากบริษัท Allergan ของประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่นำเข้าผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยคนไข้สามารถตรวจสอบได้ทุกกล่องเลยค่ะ
วิธีเช็กฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้
คนไข้สามารถตรวจสอบได้แล้วว่า ฟิลเลอร์ที่จะนำมาฉีดให้กับคนไข้เป็นของแท้หรือไม่ ซึ่งทุกแบรนด์จะมีวิธีการตรวจเช็กที่คล้ายกัน โดยฟิลเลอร์ Juvederm จะมีวิธีการตรวจเช็ก ดังนี้ค่ะ
- สภาพกล่องต้องไม่มีร่องรอยการแกะผลิตภัณฑ์ กล่องต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ปิดสนิท ซึ่งก่อนใช้จะต้องมีการแกะกล่องโชว์ให้คนไข้ดูทุกเคส
- มีเลขทะเบียนอย. แสดงให้เห็น และจะต้องมีเอกสารกำกับเป็นภาษาไทยอยู่ในกล่องผลิตภัณฑ์
- มีเลข LOT. ที่ตรงกันทั้ง 4 บริเวณ ได้แก่ ที่กล่อง, ซอง, สติ๊กเกอร์ และที่หลอดยา
- แสดงวันที่ผลิตและวันหมดอายุอย่างชัดเจนบริเวณข้างกล่องผลิตภัณฑ์
- สามารถนำเลข LOT. โทรเช็กว่าตรงกับชื่อคลินิกหรือไม่ กับบริษัท Allergan (ประเทศไทย) เบอร์โทร 02-640-4999
อยากฉีดฟิลเลอร์ นึกถึง Doctor Mek Clinic – Home of Filler
นอกจากยี่ห้อฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจากองค์การอาหารและยา (อย.) แล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยที่จะทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ออกมาเห็นผล แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ปลอดภัย คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ก็จะต้องคำนึงถึงการฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ ซึ่งที่ Doctor Mek Clinic เรากล้าพูดได้เต็มปากว่าเราเป็นคลินิกความงามเบอร์ต้น ๆ ด้านปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์ที่ครองใจคนไข้ทั่วประเทศ รวมถึงยังเป็นคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ได้รับความไว้วางใจจากบรรดาดารา นักแสดง และเซเลบที่มีชื่อเสียงของไทย ให้ดูแลความสวยความหล่อมาอย่างยาวนาน โดยมาพร้อมกับมาตรฐานครบครันที่ทำให้เราเป็น Home of Filler ตัวจริงค่ะ
- รางวัลอันดับ 1 Single Clinic ที่มียอดฉีดฟิลเลอร์สูงสุดรวมทุกแบรนด์ในประเทศไทย 5 สมัยซ้อน (ปี 2018 – 2022)
- Top 3 คลินิกที่มียอดฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์อเมริกา Juvederm Allergan สูงสุดในประเทศไทย ปี 2018 – 2019
- ดูแลอย่างใกล้ชิดทุกเคส ทำทีมโดย “คุณหมอเมฆ” แพทย์ที่มีประสบการณ์ระดับแพทย์ที่มีประสบการณ์สอนเทคนิคฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นแพทย์ผู้มีพรสวรรค์การฉีดฟิลเลอร์ Juvederm และโบท็อกซ์ Allergan อเมริกา (Allergan Talent) และทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์
- วิเคราะห์ปัญหาใบหน้าของคนไข้แบบรายบุคคล Case by Case โดยใช้หลักกายวิภาคศาสตร์ใบหน้า
- เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์เฉพาะตัวของคลินิก “Triple Layers Lift” เติมเต็มผิวได้หลายระดับชั้น ปูรากฐานตั้งแต่ชั้นกระดูก
- เลือกใช้ขนาดโมเลกุลฟิลเลอร์ที่เหมาะสมสำหรับนำมาฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละบริเวณ ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุมและตรงจุด ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงได้จริงตั้งแต่ครั้งแรก
- เลือกให้ฟิลเลอร์คุณภาพระดับโลกหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งทุกยี่ห้อได้รับการรับรองจากอย. อย่างถูกต้อง สั่งซื้อโดยตรงจากบริษัทของแต่ละแบรนด์ สามารถตรวจสอบได้ทุกกล่อง
- มีรีวิวจากเคสคนไข้จริงที่เข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์ให้เลือกดูเยอะ ทั้งรูปแบบภาพนิ่ง วิดีโอ และไลฟ์สด
- มีการติดตามผลการรักษาทุกเคสอย่างต่อเนื่อง พร้อมการบริการที่เป็นกันเอง ดูแลดั่งคนในครอบครัว
สรุป
จากข้อมูลที่ Doctor Mek Clinic นำมาฝากกันในวันนี้ จะเห็นได้เลยว่าฟิลเลอร์ Juvederm นับว่าเป็นสารเติมเต็ม HA อีกหนึ่งแบรนด์ที่มีคุณภาพสูงมาก ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและมีการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นเรื่อยมา และยังได้รับรองด้านคุณภาพรวมถึงความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา ทั้งจากในไทย (Thai FDA) รวมถึงจากสหรัฐอเมริกา (US FDA) จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ยอดนิยมมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบันค่ะ ทั้งนี้ หากอยากฉีดฟิลเลอร์ให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัย ซึ่งนอกจากเรื่องฟิลเลอร์ที่ต้องเป็นของแท้ได้มาตรฐานที่เราต้องพิจารณาแล้ว ยังต้องเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง จึงจะทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจสูงสุด สำหรับใครที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ได้ที่ Doctor Mek Clinic ทุกสาขาค่ะ หรือสะดวกแอดไลน์พูดคุยได้ที่ LINE : @doctormekclinic (มี @ นำหน้า)