PRP หรือ PCT

PRP หรือ PCT Personalized Cell Therapy นวัตกรรมแห่งการฟื้นบำรุงผิวด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น

PCT (Personalized Cell Therapy) หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อของ PRP (Platelet Rich Plasma) มันเป็นเทคนิคทางการแพทย์ที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อการฟื้นบำรุงหรือซ่อมแซมผิวของเราให้กลับมาเปล่งปลั่งดูสดใสเหมือนย้อนวัยให้กับผิวได้อีกครั้ง โดยเป็นการนำเอา Groeth Factor จากเซลล์ของเราเอง ทำให้การรักษาไม่ก่อให้เกิดอันตรายและแทบไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นเลย ดังนั้นมันจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีให้กับผู้ที่ต้องการให้ผิวเกิดใหม่ด้วยวิธีการที่ปลอดภัย นอกจากนี้มันยังช่วยในเรื่องการรักษาผม หนังศีรษะ ข้อเข่า เส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้ออักเสบได้ด้วย สำหรับใครที่กำลังศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับหัตถการดังกล่าว วันนี้เราได้สรุปข้อมูลมาฝากไว้ที่นี่แล้ว เพื่อให้ทุกท่านได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบการตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้นค่ะ

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

การฉีด PRP หรือ PCT Personalized Cell Therapy คืออะไร

PRP (Platelet Rich Plasma) ซึ่งที่นี่เราจะเรียกว่า PCT (Personalized Cell Therapy) คือการฟื้นฟูผิวด้วยการนำเอาเลือดของตัวเองมาปั่นเพื่อแยกชั้นของพลาสมา (Plasma) ที่มีลักษณะเป็นสีเหลืองใสออกมา โดยแพทย์จะสกัดเอาเกล็ดเลือดจากชั้นที่มีความเข้มข้นสูงสุดมาใช้ในการฟื้นฟูและบำบัดเซลล์ผิว ซึ่งเกล็ดเลือดในชั้นนี้จะประกอบไปด้วยสารต่าง ๆ ที่ช่วยการแข็งตัวของเลือดและยังสามารถกระตุ้น Growth Factor ที่เป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกายของเราและเป็นสารที่ประโยชน์อย่างมาในการนำมาฟื้นฟูสุขภาพผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน กระตุ้นการเจริญเติบโตและการแบ่งเซลล์ของผิวหนังเราได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้มันยังสามารถซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพหรือเกิดการบาดเจ็บให้ดีขึ้น เรียกได้ว่าเป็นหัตถการที่เข้ามาช่วยทั้งการฟื้นฟู ซ่อมแซมผิว และสมานแผลให้หายเร็วขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

PCT Personalized Cell Therapy

เกล็ดเลือดที่ได้จากโปรแกรม PRP หรือ PCT มีประโยชน์อย่างไร

ก่อนที่เราจะไปรู้ถึงคุณประโยชน์เราต้องรู้ก่อนว่าเลือดในร่างกายของมนุษย์เรา ประกอบไปด้วยเม็ดเลือดแดง(Red Blood cell) เม็ดเลือดขาว(White Blood cell) เกล็ดเลือด(Platelet) และน้ำเลือด(Plasma) เมื่อน้ำเลือดของเราถูกนำไปปั่นในอุณหภูมิและความถี่ที่เหมาะสมก็จะได้การแยกชั้นของเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด โดยชั้นที่มีเกล็ดเลือดก็จะให้ความเข้มข้นที่มากกว่าเกล็ดเลือดในกระแสเลือดทั่วไปถึง 4 เท่า ซึ่งมันก็จะเต็มไปด้วยโมเลกุลจาก Growth Factor 

  • ช่วยรักษาเนื้อเยื่อและกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อที่จำเป็น
  • ซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพจากการใช้งาน
  • ลดเม็ดสี ปรับผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

PCT vs PRP ทั่วไป ต่างกันยังไง แล้วแบบไหนดีกว่ากัน

หลายคนสงสัยว่าแล้ว PRP ทั่วไปกับ PCT ที่ Doctor Mek Clinic นำเข้ามาให้บริการนั้นเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร แล้วแบบไหนถึงจะดีกว่ากัน ซึ่งจริง ๆ แล้วมันคืออันเดียวกันเพียงแต่ว่าของคลินิกเราจะใช้เป็นการคัดแยกเกล็ดเลือดชนิดพิเศษที่ได้มาตรฐานและให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่า

  • PRP Platelet Rich Plasma แบบทั่วไป

ถึงแม้ว่าการรักษาจะเป็นการปั่นเกล็ดเลือดเหมือนกัน แต่หลอดที่บรรจุเลือดมีความแตกต่างกันอยู่มาก เพราะในหลาย ๆ ที่อาจใช้เป็นเพียงหลอดธรรมดาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับหลอดทดลองวิทยาศาสตร์ ซึ่งมันจะแยกเกล็ดเลือดได้เพียงแค่ 2 สี นั่นก็คือเม็ดเลือดแดง และสีเหลือง(Plasma)เท่านั้น เมื่อฉีดเข้าไปแล้วผลลัพธ์ที่ได้จะแทบไม่เกิดผลลัพธ์หรือประสิทธิภาพที่ดีเทียบเท่านั่นเองค่ะ

PRP Platelet Rich Plasma แบบทั่วไป
  • PCT Personalized Cell Therapy

แบบ PCT จะค่อนข้างแตกต่างจากแบบ PRP ทั่วไปตรงที่มีกระบวนการคัดแยก cell ด้วยเครื่องนวัตกรรมที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นทำให้มันมีประสิทธิภาพในการคัดแยกเกล็ดเลือดออกมาได้ถึง 3 สี ได้แก่ สีขาว สีเหลือง และสีเข้มเหลือบไปทางดำซึ่งเป็นสีของเม็ดเลือดแดงที่ตกตะกอน ส่วนสำคัญที่สามารถฟื้นฟูสุขภาพผิวของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ สีขาว ซึ่งจะประกอบไปด้วย Growth Factor ที่มีความสำคัญต่อผิวของเรามาก นำไปสู่การกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ นอกจากนี้ยังมีหลอด (Tube) แบบพิเศษที่นำมาใช้สำหรับการเก็บรักษาเลือดโดยเฉพาะ ทำให้เลือดมีความเข้มข้นและมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าแบบทั่วไปถึง 9 เท่าเลยทีเดียวค่ะ

การทำ PRP / PCT Personalized Cell Therapy ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

การทำ PCT หรือ PRP ช่วยเรื่องอะไรบ้างเราจะขอแบ่งออกเป็น 3 ส่วนได้แก่บริเวณผิวหน้า

  • ลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ลง
  • ช่วยฟื้นฟูจุดด่างดำ รอยดำ รอยสิว รอยแผลเป็นและหลุมสิว
  • ช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวดูเรียบเนียน
  • ปรับผิวให้กลับมากระจ่างใสสุขภาพดี แต่งหน้าติดทนนาน
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น

บริเวณหนังศีรษะและเส้นผม

  • ช่วยซ่อมแซมรากผม ชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม
  • กระตุ้นการสร้างใหม่ของรากผม
  • ป้องกันปัญหาผมบางอันเกิดจากกรรมพันธุ์ และการขาดวิตามิน
  • ช่วยให้เส้นผมแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยทำให้เส้นผมเส้นขึ้น ผมหน้าขึ้น

บริเวณกระดูก ข้อและกล้ามเนื้อ

  • รักษาการอักเสบบริเวณข้อต่อ และเส้นเอ็นตามจุดต่าง ๆ
  • ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่เกิดการอักเสบจากการเล่นกีฬา
  • บรรเทาอาการเจ็บปวดจากปัญหาข้อเท้าเคล็ด ขัด ยอก
  • รักษาโรคข้อเสื่อม หรือโรคทางกระดูกและข้อ
  • ซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพหรือเซลล์ที่เกิดอาการบาดเจ็บให้กลับมาแข็งแรง
การทำ PRP PCT ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

PRP / PCT Personalized Cell Therapy มาพร้อม 10 คุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย

เมื่อมันกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความสนใจจึงเกิดคำถามตามมามากมายว่าจริง ๆ แล้ว PCTหรือPRP ดียังไง ให้ประโยชน์กับร่างกายได้อย่างไรบ้าง เราก็เลยจะมัดรวม 10 ข้อดีของการทำหัตถการนี้มาฝากค่ะ

  1. คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว – เพราะเป็นหัตถการที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนัง จึงทำให้ภาพรวมผิวได้รับการฟื้นฟู ตึงกระชับ ดูเนียนสวย เหมือนเป็นการย้อนวัยให้กับผิว
  2. ปรับสมดุลการสร้างเม็ดสี – ทำให้ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ลดเลือนลงอย่างมีประสิทธิภาพ
  3. ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง – เนื่องจากมันช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมาใหม่ ดังนั้นมันจึงมีส่วนช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรง ลดรอยเหี่ยวย่นได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง
  4. ซ่อมแซมผิวจากการถูกทำลาย – ผิวที่เคยถูกทำลายจากมลภาวะ แสงแดด ความร้อน ฝุ่นละอองไปจนถึงความเครียด ปัญหาเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อรักษาด้วยโปรแกรม PCT 
  5. คืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว – ช่วยรักษาสภาพผิวหน้าพร้อมมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวดุจสาวแรกแย้ม
  6. ผิวหน้ากระจ่างใส – นอกจากจะช่วยให้ผิวกลับมาสุขภาพดีแข็งแรงแล้วก็ยังคืนความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติให้กับผิว ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
  7. ช่วยเติมเต็มออกซิเจนให้แก่ผิว – ทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น
  8. หนังศีรษะกลับมามีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง – เมื่อ PCT ฉีดเข้าไปที่หนังศีรษะก็จะช่วยฟื้นฟูให้ศีรษะและเส้นผมกลับมามีสุขภาพดี กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม รักษาอาการผมร่วง ผมบาง
  9. บำบัดโรคทางกระดูกและข้อ – ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา หรืออาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากออฟฟิศซินโดรม พร้อมทั้งช่วยบำบัดโรคทางกระดูก ข้อและกล้ามเนื้อ
  10. เป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง – ได้รับการรับรองทางการแพทย์ว่าเป็นหัตถการที่ไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย

PRP / PCT Personalized Cell Therapy เหมาะสำหรับใคร

การฉีดPRPหรือPCTของเรานั้นเป็นการสกัดมาจากเลือดเข้มเข้นในร่างกายของเราเอง ดังนั้นมันจึงเป็นหัตถการที่เหมาะทั้งกับคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงที่ต้องการฟื้นบำรุงผิวพรรณให้กลับมาอ่อนเยาว์ลง นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาดังต่อไปนี้

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยทั้งบริเวณใบหน้าและผิวกาย
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยแผลเป็น รอยสิว หลุมสิว
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือผิวเสื่อมสภาพจากอายุที่เพิ่มขึ้น
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อม มีอาการปวดข้อ กล้ามเนื้อหรือเอ็นอักเสบ
PRP PCT Personalized Cell Therapy เหมาะสำหรับใคร

โปรแกรม PRP / PCT Personalized Cell Therapy เหมาะสำหรับทำในบริเวณไหน

โปรแกรม PCTหรือPRP เรียกได้ว่าเป็นหัตถการที่สามารถทำได้ทุกสัดส่วนบนร่างกายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นใต้ตา ใบหน้า คอ ลำตัว หรือแม้กระทั่งจุดซ่อนเร้นที่จะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางช่วยประเมินและทำการรักษากันแบบ case by case ค่ะ

สำหรับใครที่ต้องการฟื้นฟูผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นที่ Doctor Mek Clinic เราก็พร้อมให้บริการโดยสูตินรีแพทย์หญิงเฉพาะทาง (พญ.พิชญานิน สื่อมโนธรรม) ที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับหลักกายวิภาคศาสตร์ของระบบสืบพันธุ์หญิง อาศัยการประเมินการรักษาบริเวณจุดซ่อนเร้นแบบ case by case พร้อมเลือกใช้เทคนิคพิเศษเฉพาะของคุณหมอเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้เข้ากับโครงสร้างของผิวในบริเวณนั้น ซึ่งเป็นบริเวณที่ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์และความชำนาญจึงจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพ

เปรียบเทียบ PRP / PCT , Rejuran , Filler งานผิว แตกต่างกันอย่างไร

เปรียบเทียบ PRP PCT , Rejuran , Filler งานผิว แตกต่างกันอย่างไร

รีวิวหลังฉีด PRP / PCT ผลลัพธ์เป็นอย่างไร

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังทำ PCT หรือ PRP รีวิวจากผู้ที่เคยเข้ามาใช้บริการจริง โดยผลที่ได้คือสุขภาพผิวดูอ่อนเยาว์ลง ผิวหน้าดูกระจ่างใสเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ จุดด่างดำดูลดลง นอกจากนี้บริเวณหนังศีรษะจากที่เคยมีปัญหาผมร่วงผมบาง เมื่อฉีด PCT หรือPRPผมเข้าไปแล้วทำให้เส้นผมดูหนาและมีสุขภาพดีขึ้น

*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล

การทำ PRP / PCT ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพก่อนทำหัตถการเราควรมีการเตรียมตัวและเตรียมร่างกายให้พร้อมต่อการรักษา ซึ่งก่อนทำPRP หรือ PCT (Personalized Cell Therapy) มีข้อปฏิบัติดังนี้ 

  1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง
  2. ควรดื่มน้ำสะอาดในประมาณ 1.5-2 ลิตร ต่อวันเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดหนืด
  3. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-3 วันก่อนเข้ารับบริการ
  4. งดรับประทานอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง
  5. ห้ามรับประทานยาต้านการอักเสบหรือการแข็งตัวของเลือดกลุ่ม ASA หรือ NSIAD ก่อนเข้ารับบริการเป็นเวลา 2-3วัน
  6. ถ้ามีโรคประจำตัวควรแจ้งรายละเอียดให้แพทย์ทราบอย่างชัดเจนก่อนใช้บริการ

ข้อห้ามในการทำโปรแกรม PRP / PCT Personalized Cell Therapy

ข้อห้ามในที่นี้อาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อร่างกาย เพียงแต่ว่ามันยังเป็นหัตถการที่ไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้คนบางกลุ่มที่เมื่อเข้ามาทำการรักษาแล้วอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ตรงตามที่ต้องการค่ะ ดังนั้นการทำ PRP หรือ PCT ไม่เหมาะสำหรับกลุ่มคนประเภทต่อไปนี้

  1. กลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งผิวหนัง มะเร็งเม็ดเลือดและมะเร็งกระดูก
  2. กลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
  3. กลุ่มผู้ป่วยมีที่อาการบาดเจ็บ หรือเกิดการบาดเจ็บรุนแรง เช่น การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
  4. กลุ่มผู้ป่วยที่มีเกล็ดเลือดต่ำ
  5. กลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกง่ายหรือเลือดไม่แข็งตัว
  6. กลุ่มผู้ป่วยที่มีระบบการหมุนเวียนเลือดไม่เสถียร
  7. กลุ่มผู้ป่วยที่ได้รีบการรักษาด้วยเคมีบำบัด
  8. กลุ่มสตรีมีครรภ์

ขั้นตอนการทำโปรแกรม PRP / PCT

  1. แพทย์จะเข้ามาทำการเจาะเลือดที่บริเวณข้อพับประมาณ 20 cc.
  2. นำเลือดใส่ใน tube ชนิดพิเศษและทำการปั่นเพื่อสกัดเลือดผ่านเครื่อง Centrifuge ให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นและมี Growth Factor สูง
  3. เมื่อทำการสกัดเกล็ดเลือดจนได้ที่แล้วแพทย์จะแยกเกล็ดเลือดที่สมบูรณ์และมีความเข้มข้นออกมา
  4. ทำการฉีดเกล็ดเลือดกลับเข้าไปยังส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าหรือในบริเวณที่เราต้องการฟื้นฟู

การดูแลตัวเองหลังทำ PRP / PCT

  • หากฉีดที่บริเวณผิวหน้างดการล้างหน้าหลังทำเสร็จประมาณ 5-8 ชั่วโมง
  • แนะนำให้ทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นอย่างมอยเจอร์ไรเซอร์ 
  • แนะนำให้ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
  • หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ เกา หรือถูในบริเวณที่มีผิวลอก
  • หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของการผลัดเซลล์ผิว และงดการแต่งหน้า
  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องเผชิญกับแสงแดดจัด ๆ เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ 

อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ PRP / PCT

การทำ PCT หรือการทำPRPแทบจะไม่เกิดผลข้างเคียงเลยค่ะ เนื่องจากว่าไม่ใช่สารสังเคราะห์แต่เป็นเกล็ดเลือดที่ถูกสกัดมาจากเลือดของเราเองทั้งหมด โดยช่วงแรกที่ฉีดเข้าไปอาจสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอุ่น ๆ เล็กน้อย แต่อาการเหล่านี้มันจะหายไปเองภายใน 10-15 นาที หรือในบางรายอาจมีอาการบวมเล็กน้อยจากรอยเข็มมันจะปรากฏขึ้นเพียง 2-3 วันและค่อย ๆ หายไป ส่วนใหญ่อาการข้างเคียงเหล่านี้จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วค่ะ

หลังทำ PRP / PCT ไปแล้วกี่วันถึงจะเห็นผล

การเปลี่ยนแปลงเราอาจจะไม่ได้เห็นผลลัพธ์ได้เลยทันที ซึ่งมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นและเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนภายในระยะเวลา 3 เดือน แนะนำว่าควรกลับมาฉีดซ้ำ 2-3 ครั้งโดยมีระยะห่างอยู่ที่ 4-6 สัปดาห์เพื่อให้การรักษาเกิดประสิทธิภาพและเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ

PRP / PCT ราคาเท่าไหร่

สำหรับการรักษาด้วยโปรแกรม PCT หรือ PRP ราคาจะเริ่มต้นที่ 15,000 บาท* อย่างไรก็ตามราคาก็จะขึ้นอยู่กับว่าคนไข้เข้ามาฉีดที่บริเวณไหน เช่น ฉีด prp ผม หน้าใส เข่า หรือใต้ตา จำนวนครั้งในการฉีด ซึ่งทางคลินิกก็จะมีการจัดโปรโมชั่นที่แตกต่างกันไปตามช่วงเวลาหรือเทศกาลต่าง ๆ สามารถทักเข้ามาสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line OA : @doctormekclinic

สรุป

การทำ PRP / PCT อยู่ได้นานไหม

หลายคนเกิดคำถามว่าการทำ prp อยู่ได้นานไหม เหมือนกับโปรแกรมผิวอื่น ๆ หรือเปล่า ? จริง ๆ แล้วหัตถการนี้มันไม่สามารถระบุเวลาออกไปได้แบบชัดเจนเหมือนกับหัตถการอื่น ๆ เนื่องจากว่ามันเป็นการรักษาที่สกัดมาจากเลือดในร่างกายของเราเอง ดังนั้นผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับเกล็ดเลือดของเราว่าร่างกายเรามีความแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน หากก่อนหน้านี้มีการดูแลตัวเองดีผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยาวนานมากยิ่งขึ้น แต่โดยส่วนใหญ่ของผู้ที่เคยมาใช้บริการแล้วผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 1 ปีค่ะ

ความสามารถของ PCT (Personalized Cell Therapy) หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ PRP เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อแก้ไขปัญหาผิว หนังศีรษะและกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้ Cell และGrowth Factor ที่อยู่ในเกล็ดเลือดของเราเอง ดังนั้นจึงมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามควรเลือกคลินิกที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้วยจะดีที่สุดค่ะ