ข้อควรรู้ก่อนฉีด Dysport Botox โบท็อกซ์สัญชาติอังกฤษ

Dysport Botox

Dysport Botox เป็นหนึ่งในยี่ห้อโบท็อกซ์ที่นำเข้ามาจากประเทศอังกฤษ ที่หลายคนมักคุ้นตากันในชื่อโบอังกฤษที่มีความโดดเด่นในเรื่องการให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ฉีดแล้วหน้าไม่แข็ง หรือช่วยลดกล้ามเนื้อมัดใหญ่อย่างกล้ามเนื้อแขนหรือน่องที่เห็นผลได้ชัดเจน ความโดดเด่นนี้เองที่ทำให้โบท็อกซ์ยี่ห้อนี้กลายเป็นที่นิยม แต่สำหรับใครที่เพิ่งเข้าวงการความงาม ต้องการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dysport บทความนี้เราได้สรุปข้อมูลมาให้แล้วค่ะ ตั้งแต่กระบวนการทำงาน ข้อแตกต่าง ราคา ไปจนถึงการดูแลตัวเองก่อนทำหลังทำเพื่อผลลัพธ์อันที่มีประสิทธิภาพ ใครสายโบท็อกซ์ต้องไม่พลาด !

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

โบท็อกซ์ Dysport คืออะไร

Dysport Botox (ดิสพอร์ต) หรือที่หลายคนเรียกกันว่าโบอังกฤษ เป็นหนึ่งในยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ได้สารสกัดโบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ถูกนำมาใช้ปรับรูปหน้า ลดเลือนริ้วรอย หรือช่วยให้ผิวดูเต่งตึงได้รูป โบชนิดนี้มีโมเลกุลขนาดเล็กทำให้มันสามารถกระจายตัวได้ดี เมื่อฉีดเข้าไปแล้วไม่กระจุกอยู่ในที่แคบ เหมาะสำหรับนำมายกกระชับผิว Dysport ผลิตขึ้นในประเทศอังกฤษ โดยบริษัท  IPSEN BIOPHARM LIMITED ถูกนำเข้าและจัดจำหน่ายเข้ามาในประเทศไทยภายใต้บริษัท Galderma Thailand 

ซึ่งในปัจจุบันดิสพอร์ตโบท็อกซ์ที่ผ่านอย.ในประเทศไทยก็มีทั้งหมด 2 แบบได้แก่ 

  • Dysport จำนวน 300 units
  • Dysport จำนวน 500 units

Dysport มีกระบวนการทำงานอย่างไร ?

สำหรับกระบวนการออกฤทธิ์ของ Dysport จะใช้ส่วนของโมเลกุลทั้งหมด 2 ส่วนหลักก็คือ ส่วนHeavy chain ซึ่งจะทำหน้าที่ในการจับและนำโมเลกุลของโบท็อกซ์เข้าสู่เซลล์ประสาท ส่วนต่อมาคือ Light chain มีหน้าที่ในการจับ SNARE proteins เพื่อยับยั้งการหลั่ง Acetylcholine ที่บริเวณปลายประสาท ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวลงได้ ซึ่งเมื่อกล้ามเนื้อมีการทำงานน้อยลงก่อให้เกิดการคลายตัวมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ริ้วรอยในบริเวณนั้น ๆ ก็ดูลดเลือนลง และเมื่อผ่านไปสักระยะเวลาหนึ่งตัวสารของโบท็อกซ์ก็จะค่อย ๆ สลายตัวหายไปได้เองตามธรรมชาติของมันโดยไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายของเราค่ะ

Dysport Botox เหมาะสำหรับนำมาฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

โบท็อกซ์ดิสพอร์ตสามารถนำมาฉีดตามบริเวณต่าง ๆ ได้เหมือนกับโบท็อกซ์รุ่นอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใบหน้าหรือตามร่างกาย โดยให้แพทย์ที่มีประสบการณ์เป็นผู้ประเมินและทำการรักษาค่ะ

  1. บริเวณใบหน้า – เพื่อลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยตามจุดต่าง ๆ เช่น รอยหน้าผาก รอยตีนกา
  2. บริเวณสันกราม – เพื่อลดกราม ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวกระชับ รูปหน้าดูวีเชฟขึ้น
  3. บริเวณน่อง – เพื่อลดขนาดน่องให้ขาดูเรียวสวย
  4. บริเวณกล้ามเนื้อแขน – เพื่อลดขนาดกล้ามแขนให้ดูสวยกระชับ เรียวเล็ก
  5. บริเวณอื่น ๆ – เช่น การฉีดโบเพื่อดเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือลดการทำงานของต่อมเหงื่อ
Dysport Botox เหมาะสำหรับนำมาฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง

Dysport เหมาะกับใครบ้าง ?

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกบริเวณระหว่างคิ้ว หน้าผาก
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดขนาดของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ๆ เช่น น่อง แขน
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากผิดปกติ เช่น บริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เพราะดิสพอร์ตมีการกระจายตัวได้ดี

Dysport แตกต่างจากโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นอย่างไร ?

ความแตกต่างของโบท็อกซ์ Dysport ที่ไม่เหมือนกับโบท็อกซ์รุ่นอื่น ๆ เราจะขอแยกออกมาทีละประเด็นเพื่อให้เกิดความเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น ดังนี้ค่ะ

  • Dysport มีโมเลกุลขนาดเล็กกว่าโบท็อกซ์รุ่นอื่น กระจายตัวได้ดีโบท็อกอังกฤษ Dysport มีขนาด molecule complex size ที่ค่อนข้างเล็กกว่าโบท็อกซ์รุ่นอื่น ๆ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วตัวยาสามารถกระจายตัวได้กว้างกว่า ไม่ดูกระจุกกันอยู่ในที่แคบ ทำให้ผลลัพธ์หลังทำดูเป็นธรรมชาติ หน้าดูไม่ตึงหรือแข็งจนเกินไป ยี่ห้อนี้จึงถูกนำมาใช้ฉีดสำหรับลดเหงื่อ ลดกล้ามเนื้อก้อนใหญ่อย่างกล้ามเนื้อแขนหรือน่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลได้อย่างชัดเจน
  • Dysport มีปริมาณยูนิตที่มากกว่าโบท็อกซ์รุ่นอื่นนี่เป็นอีกหนึ่งจุดข้อแตกต่างของโบท็อกซ์ดิสพอร์ต ซึ่งโบอังกฤษ Dysport มีปริมาณอยู่ที่ 300 ยูนิต ซึ่งมันจะเทียบเท่ากับ 100 ยูนิตของโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่น

ซึ่งถ้าถามว่าโบอังกฤษ Dysport ดีไหม แน่นอนว่าคุณสมบัติของมันช่วยลดเลือนทั้งในเรื่องของริ้วรอย ลดกล้ามเนื้อหรือปรับรูปหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยล่ะค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็จะต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมต่อตำแหน่งที่ฉีด หรือเหมาะกับปัญหาที่ต้องการแก้ไขจึงจะทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดค่ะ

เปรียบเทียบ dysport vs allergan ตัวไหนดีกว่ากัน

เป็นอีกหนึ่งข้อสงสัยที่ทำให้หลายคนกุมขมับไปไม่น้อยเลยสำหรับ disport กับ allergan ตัวไหนดีกว่ากัน หรือควรฉีดอันไหน ซึ่งทั้งสองตัวต่างผลิตขึ้นด้วยกระบวนการที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงตัวยาด้านในที่อาจจะใช้คุณสมบัติแตกต่างกัน เราจะขอแยกให้เข้าใจง่าย ๆ ได้ดังนี้ค่ะ

โบอังกฤษ Dysport

  • เป็นโบที่มีความบริสุทธิ์สูง และมีโมเลกุลขนาดเล็ก
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอยแบบไม่ตึงเกินไป ลดกล้ามเนื้อและลดเหงื่อ
  • ระยะเวลาของผลลัพธ์อยู่ที่ 4-6 เดือน
  • ตัวยามีการกระจายตัวได้กว้าง ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง
  • ช่วยลดโอกาสในการดื้อโบ

โบอเมริกา Allergan

  • เป็นโบที่มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5 %
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับเหนียง ลิฟต์กรอบหน้า ลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว
  • ระยะเวลาของผลลัพธ์อยู่ที่ 5-6 เดือน
  • ตัวยามีความกระจายตัวได้แคบ ออกฤทธิ์ได้อย่างแม่นยำ
  • ช่วยลดโอกาสในการดื้อโบ

หากจะให้เลือกว่าควรฉีดอันไหนดีก็คงจะยาก เพราะบอกเลยว่าทั้ง 2 ยี่ห้อมีข้อดีที่แตกต่างกัน ตรงนี้ก็ต้องมาดูกันว่าเราต้องการที่จะฉีดเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องตำแหน่งไหน ก็จะทำให้เลือกใช้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้วยจะดีที่สุดค่ะ

เปรียบเทียบ dysport vs allergan ตัวไหนดีกว่ากัน

HOWTO : เช็กโบท็อกซ์ Dysport แท้ ดูยังไงให้ชัวร์

ถ้าหากว่าเรากังวลว่าสิ่งที่คลินิกฉีดเข้าไปให้เราเป็นของแท้จริงไหม มีวิธีสังเกตโบแท้ง่าย ๆ ดังนี้

  1. ตัวกล่องสามารถเปิดได้แค่ด้านหน้าเท่านั้น
  2. ทุกกล่องจะต้องมีเลขทะเบียนอย. พร้อมด้วยเอกสารกำกับภาษาไทย
  3. ทุกกล่องจะต้องมีเลข Lot. ที่ตรงกันทั้ง 2 จุด คือบริเวณตัวกล่องและที่ขวดยา
  4. มีผลึกยาอยู่ที่ก้นขวด ไม่มีน้ำ โดยแพทย์จะต้องใช้น้ำเกลือเพื่อดูดยาออกมา
  5. ของแท้จะสามารถโทรเช็คเลข Lot.ได้ที่บริษัทนำเข้า (Galderma Thailand) โทร. 02-023-1800 ต่อ 402
เช็กโบท็อกซ์ Dysport แท้ ดูยังไงให้ชัวร์

อยากฉีดโบท็อกซ์ Dysport ควรมีการเตรียมตัว-การดูแลตัวเองอย่างไร

สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามนอกจากข้อมูลของโบท็อกซ์แล้วก็คือข้อมูลในการเตรียมความพร้อมก่อนฉีดและการดูแลตัวเองหลังฉีด เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและไม่เกิดข้อผิดพลาดตามมาค่ะ สำหรับใครที่กำลังจะเข้าไปฉีดโบท็อกซ์ควรมีการเตรียมความพร้อมไว้ดังนี้

การเตรียมตัวก่อนใช้บริการ

  • ก่อนใช้บริการควรงดการรับประทานยากลุ่มวิตามิน น้ำมันตับปลา สารสกัดจากแปะก๊วย หรือยากลุ่ม NSAIDs เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้เกิดการฟกช้ำ
  • ก่อนใช้บริการ 24 ชั่วโมง ควรงดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
  • ใครที่มีโรคประจำตัว มีอาการแพ้ยา หรือมียาประจำตัวที่ต้องทานทุกวันควรแจ้งรายละเอียดให้แพทย์ทราบก่อนใช้บริการ
  • สำหรับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือสตรีมีครรภ์ไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์

การดูแลตัวเองหลังใช้บริการ

  • หลังทำงดนอนราบและงดการก้มหน้าต่ำกว่าหัวใจเป็นเวลา 3-5 ชั่วโมง
  • หลังฉีดโบท็อกซ์ทันทีแนะนำให้ขยับกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีด 1-2 ครั้ง
  • ควรบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้ตัวยาจากโบท็อกซ์ทำปฏิกิริยาใต้ชั้นผิว
  • หลังใช้บริการไปแล้ว 24 ชั่วโมง สามารถบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ที่อ่อนโยนต่อผิว
  • หลังทำ 48 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงอาหารที่ให้ความร้อนต่อผิว
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการตากแดด การทำเลเซอร์ร้อนหลังทำ 14 วัน
  • บางรายอาจมีผลข้างเคียงจากการรักษาเป็นวลา 7-14 วัน แนะนำให้ทำตามคำแนะนำของแพทย์

หลังฉีด Dysport Botox ไปแล้วผลลัพธ์จะอยู่ได้กี่เดือน

ข้อสงสัยที่หลายคนมักถามกันเข้ามาเยอะว่าหลังฉีดโบอังกฤษหรือโบท็อกซ์ดิสพอร์ตไปแล้วผลลัพธ์จะอยู่ได้นานไหม อยู่ได้กี่เดือน ซึ่งผลลัพธ์มันขึ้นอยู่กับว่าเราฉีดตำแหน่งไหน หรือฉีดเข้าไปในปริมาณเท่าไหร่ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ด้วยค่ะ แต่โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละตำแหน่งผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ราว ๆ 4–6 เดือน หรือมากสุดคือ 1 ปี

  • โบท็อกซ์ Dysport ลดริ้วรอย อยู่ได้ประมาณ 3-5 เดือน
  • โบท็อกซ์ Dysport ลดเหงื่อ อยู่ได้ประมาณ 3-5 เดือน
  • โบท็อกซ์ Dysport ลดกราม อยู่ได้ประมาณ 5-6 เดือน
  • โบท็อกซ์ Dysport ลดน่อง กล้ามเนื้อแขน อยู่ได้ประมาณ 1 ปี

** ผลลัพธ์ของการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล

ฉีดโบท็อกซ์ที่ Doctor Mek Clinic ดียังไง

ผลลัพธ์ที่ดีที่นอกจากจะมีการเลือกโบท็อกซ์ที่ได้มาตรฐานแล้วยังขึ้นอยู่กับฝีมือของแพทย์ผู้ทำการรักษาด้วย ซึ่งที่ Doctor Mek Clinic เราให้ เราให้บริการปรับรูปหน้าด้วยโบท็อกซ์ภายใต้มาตรฐานของแพทย์ที่มีประสบการณ์ นั่นก็คือคุณหมอเมฆ แพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านผิวหนังเฉพาะทาง ที่เน้นการประเมิน วิเคราะห์และดีไซน์การรักษาเฉพาะรายบุคคล (case by case) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาผิว และดูดีขึ้นในแบบฉบับของตัวเอง

ที่การันตีผลลัพธ์การรักษาได้จากรางวัลอันดับ 1 Single Clinic ยอดรวมการใช้ฟิลเลอร์ Restylane และโบอังกฤษ Dysport สูงสุดในประเทศไทยประจำปี 2022 และรางวัล 1 ใน 3 Single Clinic ที่มียอดใช้โบอังกฤษ Dysport สูงสุดในประเทศไทยประจำปี 2022 จากบริษัท Galderma Thailand

Dysport Botox ราคาเท่าไหร่

ราคาเริ่มต้นของโบท็อกซ์ Dysport จะอยู่ที่ 3999 บาท* ซึ่งค่าบริการจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด ปริมาณของโบท็อกซ์รวมไปถึงการจัดตั้งโปรโมชั่นเสริมในแพ็กเกจที่ทางคลินิกจัดขึ้นในเทศกาลต่าง ๆ หากสนใจสามารถทักเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line OA : @doctormekcliniv

สรุป

โบท็อกซ์ Dysport ปลอดภัยไหม ฉีดไปแล้วมีผลข้างเคียงรึเปล่า

โบท็อกซ์ Dysport มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทยมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าเมื่อฉีดเข้าไปแล้วมันไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายและผิวของเรา

 สำหรับบางรายที่ฉีดไปแล้วมีอาการเมื่อยตึง หรือมีรอยเข็มบริเวณที่ฉีด เป็นอาการปกติที่มักเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาการเหล่านี้มันจะหายไปเอง 7-14 วัน แต่ถ้าหากว่าฉีดไปแล้วมีอาการที่รุนแรงขึ้น เช่น มีอาการอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีอาการตาพร่ามัว ควรรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุต่อไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วปัญหาที่รุนแรงมักเกิดจากการใช้โบท็อกซ์ที่ไมได้คุณภาพ เป็นของปลอม หรือแพทย์ไม่มีความชำนาญในการรักษาค่ะ

Dysport Botox เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่เป็นตัวเลือกน่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เพราะด้วยตัวสารมันสามารถกระจายตัวได้ดีและกว้างขวาง ทำให้หลังฉีดแล้วหน้าไม่ตึงไม่แข็งจนเกินไปเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ อย่างไรก็ตามควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญในการฉีด รู้จุด รู้ตำแหน่ง และเลือกจำนวนยูนิตได้อย่างแม่นยำตามสภาพปัญหาผิวของแต่ละคน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป๊ะปังดั่งใจ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดย เปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก