ถุงใต้ตา ปัญหาที่กวนใจใครหลายคน ทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส และดูแก่กว่าวัย ในบางรายอาจพ่วงมาด้วยริ้วรอย และความเหี่ยวย่นของผิว โดยถุงใต้ตาเป็นถุงไขมันที่ปกติจะถูกกั้นด้วยกล้ามเนื้อเปลือกตาล่าง แต่เมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้น กล้ามเนื้อและผิวเปลือกตาล่างอ่อนแอลง จนเกิดเป็นถุงใต้ตาบวมออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งถุงใต้ตาบวมนั้นสามารถเป็นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่จะยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
- ฟิลเลอร์ถุงใต้ตาคืออะไร?
- ฟิลเลอร์ถุงใต้ตาเหมาะกับใครบ้าง
- ผลลัพธ์ของการรักษาด้วยฟิลเลอร์
- หากต้องการรักษาถุงใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ควรเลือกจากปัจจัยอะไรบ้าง ?
- คำถามที่พบบ่อย
ถุงใต้ตาเกิดจากอะไร?
ถุงใต้ตาบวมหรือถุงใต้ตาหย่อนคล้อย เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยเราได้รวมปัจจัยหลัก ๆ มาไว้ดังนี้
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น โครงสร้างของใบหน้า และผิวหน้า จึงเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น กระดูกโครงหน้าเกิดการยุบตัว กล้ามเนื้อลดน้อยลง รวมถึงการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังจะค่อย ๆ ลดลง เกิดเป็นร่องรอยบริเวณใต้ตา ซึ่งการดูแลใบหน้าด้วยวิธีปกติ เช่น ล้างหน้า หรือการใช้เพียงครีมบำรุงผิว อาจจะไม่เพียงพอ ทำให้ใบหน้าดูหย่อนคล้อย ไม่สดใส ดูโทรม อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ในทุกคน แม้อายุจะเพียงเลข 2 เท่านั้น
- กรรมพันธุ์ เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของสาเหตุตาโหล ตาดำ ถุงใต้ตาบวม ถุงใต้ตาหย่อนคล้อย อันเนื่องมาจากลักษณะทางพันธุกรรมทำให้โครงหน้าของแต่ละคนแตกต่าง และมีปัญหาเฉพาะตัว เช่น ในคนที่มีโครงสร้างของกะโหลกที่มีเบ้าตาลึกแบบชาวตะวันตก เมื่ออายุมากขึ้นจึงทำให้ดูเหมือนเบ้าตาลึกกว่าคนอื่น
- โรคภูมิแพ้ โดยปัจจัยหลัก ๆ เกิดจากระบบไหลเวียนของเลือดบริเวณใต้ตาขัดข้อง ส่งผลให้เกิดเลือดคั่งในบริเวณผิวหนังใต้ตา และไม่สามารถไหลเวียนไปอยู่ส่วนอื่น ๆ ของใบหน้าได้ อาการของโรคภูมิแพ้นั้น ส่งผลให้การทำงานของระบบการไหลเวียนเลือดเกิดการขัดข้อง ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะรักษาโรคภูมิแพ้จนหาย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับใต้ตาก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม
- การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเกิดจากความเครียด หรือพฤติกรรมการนอนดึก ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหารอบดวงตาได้ด้วยเช่นกัน
- การรับประทานอาหาร อาหารที่มีรถเค็ม หรือที่มีโซเดียม และผงชูรสเป็นส่วนประกอบสูง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมถุง และอาหารกระป๋อง รวมถึงอาหารที่ผ่านการใช้เกลือเพื่อการเก็บรักษา อย่างของดองเป็นต้น ซึ่งก็เป็นอีกสาเหตุหลักของปัญหาใต้ตาได้เช่นกัน เนื่องจากเกลือในอาหารเป็นสาเหตุหลักให้เกิดการดูดความชื้นจากผิว และเมื่อผิวสูญเสียความชื้น คอลลาเจนที่เคยมีก็ถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน
ฟิลเลอร์ถุงใต้ตาคืออะไร?
ฟิลเลอร์ถุงใต้ตา คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภท HA Filler (Hyaluronic Acid Filler) เข้าไปยังชั้นผิวบริเวณใต้ตาที่เกิดปัญหา เพื่อรักษา และเติมเต็มช่องว่างใต้ตา เช่น ริ้วรอยร่องลึก ความหมองคล้ำ หรือถุงใต้ตาหย่อนคล้อยที่เห็นได้ชัด ให้กลับมาดูดีขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มเติมคอลลาเจนที่หายไป ช่วยให้ผิวกลับมาเต่งตึง สดใส ไม่โทรม แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเติมคอลลาเจนเช่นกัน นอกจากนั้น การฉีดฟิลเลอร์ ยังมีคุณสมบัติในการช่วยยกกระชับใบหน้าให้แลดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย ที่สำคัญไม่ต้องนอนพักฟื้น เหมือนการรักษาด้วยการผ่าตัด แต่ถ้าหากคนไข้ต้องการฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่น ๆ ก็ควรทำบริเวณใต้ตาก่อนเพื่อให้เกิดความบาลานซ์ของใบหน้าให้มากที่สุด
ฟิลเลอร์ถุงใต้ตาเหมาะกับใครบ้าง
- กลุ่มคนไข้ที่มีปัญหาเบ้าตาลึก ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตาหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
- คนที่อายุมากขึ้น แล้วเกิดปัญหาทำให้รอบดวงตาดูโบ๋ ตาลึก อันเนื่องมาจากปัญหากระดูกบริเวณใต้ตาที่ยุบตัวลง
- คนที่มีปัญหาถุงใต้ตาบวม ตาโหล ตาดำ อันเนื่องมาจากพันธุกรรม
- คนไข้ที่มีปัญหารอยคล้ำและถุงใต้ตา ที่เป็นสาเหตุให้ใบหน้าดูไม่สดใส เหมือนคนพักผ่อนน้อย
ฟิลเลอร์ถุงใต้ตาเจ็บมากไหม ?
แม้ว่าบริเวณใต้ตาจะเป็นส่วนที่ดูบอบบางแต่การฉีดฟิลเลอร์ถุงใต้ตาจะไม่เจ็บมาก หรือบางรายอาจจะไม่เจ็บเลย เพราะก่อนฉีดจะมีการแปะยาชาสำหรับคนที่กลัวเจ็บ และในตัวฟิลเลอร์จะผสมยาชาไว้อยู่แล้ว
ผลลัพธ์ของการรักษาด้วยฟิลเลอร์ถุงใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน
โดยเฉลี่ยแล้วฟิลเลอร์นั้น อยู่ได้นานอย่างน้อย 18 – 24 เดือน ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ในการรักษาถุงใต้ตาหย่อนคล้อย เนื่องจากฟิลเลอร์นั้นมีโมเลกุลความยืดหยุ่นของแต่ละรุ่นที่แตกต่างกันไป การเลือกใช้ฟิลเลอร์จึงมีความสำคัญมาก และยังรวมถึงการดูแลตัวเองหลังการฉีดอีกด้วย หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างเคร่งครัดก็จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ถุงใต้ตาราคาเท่าไหร่
ฟิลเลอร์ถุงใต้ตาราคาจะแตกต่างกันไป ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับลักษณะโครงสร้างใบหน้าของแต่ละบุคคล รวมถึงชนิดของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ และปัญหาของแต่ละบุคคล จึงต้องเข้ามาให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน
ฉีดฟิลเลอร์ถุงใต้ตาอันตรายไหม ?
ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า Filler หรือสารเติมเต็มนั้น มีอยู่หลายประเภท แต่ในที่นี้เราจะพูดถึง HA Filler แท้เท่านั้น ซึ่งจัดอยู่ในแบบชั่วคราว ซึ่งฟิลเลอร์แท้นั้น สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทำให้เกิดการบวม เบี้ยว ผิดรูป หรือไหลย้อยของหน้าแน่นอน ในกรณีที่เป็นฟิลเลอร์ปลอม หรือสารที่ทำเลียนแบบขึ้นมา และไม่ผ่านมาตรฐาน ซึ่งในปัจจุบันมีเยอะมาก และอันตรายมาก ๆ ต้องตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนฉีดฟิลเลอร์
ตำแหน่งที่ทำการฉีดฟิลเลอร์เราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการเติมเต็ม พร้อมยกกระชับปรับรูปหน้าได้หลายตำแหน่ง โดยแพทย์จะต้องมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากพอ หากฉีดโดยไม่ระวังอาจจะเข้าสู่เส้นเลือดได้
แพทย์ผู้ฉีดฟิลเลอร์เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ที่มากพอจะช่วยให้ผลลัพธฺออกมาดี และปลอดภัย “การฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ของการแบบออกแบบรูปหน้า” ที่ผ่านการประเมินโดยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ถึงเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ส่งผลให้ถุงใต้ตาหย่อนคล้อย โครงสร้างกระดูกที่ยุบตัวตามกาลเวลา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ดูโทรม ไม่สดใส โดยแพทย์จะต้องประเมินรูปหน้า และเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีโมเลกุลฟิลเลอร์ที่เหมาะสมในแต่ละเคส รวมถึงเทคนิคการวางฟิลเลอร์ให้ถูกตำแหน่ง ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์เป็นอย่างมาก ควรทำการฉีดกับอาจารย์แพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และปลอดภัย
ฉีดฟิลเลอร์ถุงใต้ตาอันตราย?
หลายคนยังมีความกลัวเรื่องของ Filler และยังเชื่อว่าอันตราย ซึ่งปัญหานี้โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดจากฟิลเลอร์ไม่บริสุทธิ์ หรือ ฟิลเลอร์ปลอม โดยสารดังกล่าวนี้ หากฉีดเข้าสู่เส้นเลือดจะทำให้เกิดการอุดตันจนส่งผลกระทบกับดวงตาของเราได้ นอกจากนั้นยังทำให้เกิดการตกค้างในร่างกาย จนส่งผลให้เกิดอาการบวม และใบหน้าผิดรูปได้
ซึ่งหากเป็น HA Filler แท้ จะไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นเลย เพราะ HA Filler แท้ จะสามารถสลายไปได้เอง โดยในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ HA แท้เข้าไปจะเหลือไว้เพียงส่วนที่เป็นคอลลาเจนกับอีลาสติน ที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวนั่นเอง
ฉีดฟิลเลอร์ถุงใต้ตาต้องใช้กี่ ซีซี
โดยปริมานฟิลเลอร์สำหรับใช้ฉีดถุงใต้ตานั้น เริ่มต้นที่ 1 – 4 ซีซี ขึ้นอยู่กับชนิดฟิลเลอร์ที่ใช้ เพื่อความปลอดภัยและแม่นยำ ควรให้แพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเป็นผู้ประเมินให้
หากต้องการรักษาถุงใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ควรเลือกจากปัจจัยอะไรบ้าง ?
- ควรเลือกแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางที่เชี่ยวชาญเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ และมีประสบการณ์มากพอ ก่อนที่จะทำการฉีดควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์อย่างละเอียดก่อน เพราะการฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัยความชำนาญรวมถึงประสบการณ์ของแพทย์อย่างมาก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
- พนักงานผู้ให้บริการ ยิ้มแย้มแจ่มใส สุภาพเป็นกันเอง พร้อมให้บริการอยู่เสมอ และที่สำคัญต้องสามารถให้ความรู้เบื้องต้นแก่คนไข้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวก่อนฉีดหรือหลังฉีดฟิลเลอร์ได้เป็นอย่างดี
- ผลลัพธ์ และการรีวิวจากคนไข้จริง เป็นอีกหนึ่งเครื่องการันตีถึงฝีมือของแพทย์ได้เป็นอย่างดี ทำให้เราเห็นถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแพทย์ผ่านคนไข้ที่ได้รับการรักษา ช่วยให้เห็นภาพจริงเบื้องต้นประกอบการตัดสินใจ อย่างไรก็ดี การเข้าไปปรึกษากับแพทย์ด้วยตัวเอง จะทำให้ได้รับการประเมินที่ถูกต้อง แม่นยำ และผลลัพธ์เหมาะสมกับแต่ละรายบุคคล
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ถุงใต้ตา
- ภายใน 48 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงความร้อนต่าง ๆ เช่น แสงแดด ไดร์เป่าผม รวมไปถึงการอาบน้ำอุ่น เพราะความร้อนจะทำให้ผิวยืดหดมากกว่าปกติ ส่งผลต่อการเซ็ตตัวของฟิลเลอร์
- ควรเลี่ยงการสัมผัสหรือขัดถูบริเวณที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงงดการสครับผิว และลอกผิวหน้า
- ควรเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชม. หลังจากการฉีดฟิลเลอร์
- หลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรดื่มน้ำตามมาก ๆ เพราะฟิลเลอร์เป็นสารที่ชอบน้ำ การดื่มน้ำตามมาก ๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่มฟูสวยมากขึ้น
- กรณีมีอาการบวม หรือเขียวช้ำ สามารถประคบเย็นได้เพื่อบรรเทาอาการบวม และควรหลีกเลี่ยงการกด หรือนวดบริเวณที่ทำการรักษาเป็นเวลาอย่างน้อย 2 – 3 วัน
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักในวันที่ทำการรักษา เพื่อไม่ให้ร่างกายสูญเสียน้ำ เพราะอาจส่งผลให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื่นตามไปด้วย และการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงอาจทำให้สารฟิลเลอร์เสียรูปได้อีกด้วย
- กรณีมีอาการปวดเล็กน้อยบริเวณที่ทำการฉีด สามารถรับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล บรรเทาอาการปวดได้
- ควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาก่อนเสมอ หากต้องการทำหัตการใด ๆ เกี่ยวกับเลเซอร์ หรือเกี่ยวกับความร้อนต่าง ๆ
- หากมีรอยเขียวช้ำจะหายไปได้เองภายใน 5 – 14 วัน
- งดนวดหน้า หรือกดแรง ๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 2 สัปดาห์
- สามารถแต่งหน้าได้ทันทีหลังการฉีดฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์ถุงใต้ตาแล้วบวมเกิดจากสาเหตุอะไร
สาเหตุหลัก ๆ เกิดได้จาก แพทย์ไม่เชี่ยวชาญเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์และมีประสบการณ์น้อย จึงประเมินปัญหา และเลือกฟิลเลอร์ได้ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว และปัญหาในแต่ละจุด วางตำแหน่งของฟิลเลอร์ในแต่ละชั้นผิวไม่ถูกต้อง เพราะฟิลเลอร์จัดเป็นงานฝีมือของแพทย์ เพราะเนื้อเยื่อบริเวณใต้ตาค่อนข้างบางกว่าบริเวณอื่น และมีหลอดเลือดฝอยเล็ก ๆ แพทย์จึงต้องพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกชนิดของเข็ม เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอาการช้ำ ตลอดจนความเบาของน้ำหนักมือแพทย์ เพื่อผลงานที่ออกมาอย่างประณีต และสวยเป็นธรรมชาติที่สุด ในกรณีที่ผู้ป่วยผิวบางมาก ๆ จะรู้สึกเหมือนผิวบวมน้ำ เป็นลักษณะการบวมของเนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ เล็กน้อย เกิดจากการผ่านของเข็มฟิลเลอร์ ภายใน 1 – 2 วัน อาการก็จะดีขึ้น และหายไปได้เอง
หลังฉีดฟิลเลอร์ถุงใต้ตาไปแล้วเกิดอาการบวมอย่างรุนแรงเกิดจากสาเหตุอะไร
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าเกิดจากการติดเชื้อหรือไม่ วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ หากการบวมนั้นเกิดจากการติดเชื้อ บริเวณที่บวมจะปวดมากกว่าปกติ และผิวหนังบริเวณนั้นจะรู้สึกร้อนกว่าบริเวณอื่น ซึ่งหากพบอาการแบบนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน ในกรณีเป็นก้อนที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ โดยส่วนใหญ่เกิดจาก “เทคนิคและฝีมือการฉีดฟิลเลอร์ของแพทย์”
ทักษะในการวิเคราะห์และประเมินรูปหน้าของคนไข้
เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ของแพทย์ ในการเลือกฉีดฟิลเลอร์ให้ถูกตำแหน่งของชั้นผิว ซึ่งข้อนี้จัดเป็นสาเหตุหลักของการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนบวมเลยก็ว่าได้ เพราะสาเหตุการบวมกว่า 90% มักจะเกิดจาการฉีดฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ตื้นไป หรือเกลี่ยปริมาณฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม บางท่านแย่หน่อยนอกจากจะมีก้อนแล้ว หลอดเลือดฝอยรอบ ๆ ยังแตก จนช้ำเขียวเป็นวงกว้างอีกด้วย
แต่ที่ Doctor Mek Clinic คุณหมอเมฆ อาจารย์แพทย์ผิวหนังเฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี เป็นผู้ดูแลเองทุกเคส จึงสามารถประเมินปัญหา และเลือกโมเลกุลของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมในแต่ละรายบุคคล จึงมั่นใจได้ว่าผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด และปลอดภัยแน่นอน ไม่บวม ไม่ช้ำ หรือเป็นก้อน
คำถามที่พบบ่อย
“ฉีดฟิลเลอร์ถุงใต้ตาแล้วบวมแก้ไขได้ไหมคะ?”
A: หากเป็น Hyaluronic Acid Filler แท้ สามารถสลายได้ด้วยการใช้ยาฉีดสลายฟิลเลอร์ Hyaluronidase ทั้งนี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพราะคุณหมอจะต้องเป็นผู้ประเมินในหลาย ๆ ด้าน เพื่อความปลอดภัย และประสิทธิภาพการสลายตัวของ HA Filler
ฉีดสลายฟิลเลอร์ถุงใต้ตากี่วันหาย ?
ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้
- ปริมาณของฟิลเลอร์ที่เคยฉีดมาแล้วเกิดอาการเป็นก้อน
ปริมาณของยาสลายฟิลเลอร์นั้น คุณหมอจะเป็นผู้ประเมินและวางแผนก่อนการฉีด โดยก่อนจะทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ คุณหมอต้องขอสอบถามประวัติ ถึงปริมาณ และตำแหน่งฟิลเลอร์ที่ฉีดมา เนื่องจากจำเป็นต้องคำนวณปริมาณยาสลายให้ใกล้เคียงกับฟิลเลอร์ที่ต้องการจะสลาย
- ยาฉีดสลายฟิลเลอร์เริ่มออกฤทธิ์เมื่อไหร่ ?
หลังจากที่คุณหมอฉีดสลายด้วย Hyaluronidase ตัวยาจะเริ่มทำงานทันทีภายใน 48 ชั่วโมงหลังฉีด และหลังจากฉีดสลายฟิลเลอร์ไปประมาณ 2 วัน หลายท่านจะสังเกตเห็นเลยว่าก้อนฟิลเลอร์จะเริ่มยุบหายไป และยายังคงสามารถออกฤทธิ์ได้นานถึง 2 สัปดาห์
- ฉีดยาสลายฟิลเลอร์ซ้ำได้ไหม ?
สามารถทำได้ หากฟิลเลอร์ที่เคยฉีดมาเป็นก้อนบวมใหญ่มาก อาจต้องมีการฉีดสลายซ้ำหลายครั้ง โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน ในแต่ละครั้งจะทิ้งระยะเวลาห่างกันประมาณ 2 สัปดาห์
- อาการที่พบได้หลังฉีดสลายฟิลเลอร์
อาจพบอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีดได้เล็กน้อย แต่หากมีอาการผิดปกติเช่น บวมมาก ปวดมาก มีผื่นแดงคัน ควรรีบปรึกษาแพทย์
ฟิลเลอร์ถุงใต้ตาประมานกี่วันถึงจะเห็นผล?
หลังจากทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้วนั้น จะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีดได้ประมาน 80% ส่วนอีก 20% ที่เหลือนั้นจะใช้เวลาในการเซ็ตตัวประมาน 14 – 20 วัน หลังฉีด