เปรียบเทียบให้เห็นความต่าง ! ฟิลเลอร์ใต้ตากับโบท็อก แตกต่างกันอย่างไร

เปรียบเทียบฟิลเลอร์ใต้ตา VS โบท็อกใต้ตา อันไหนดีกว่ากัน

เปรียบเทียบฟิลเลอร์ใต้ตา VS โบท็อก อันไหนดีกว่ากัน

ถ้าให้พูดถึงหัตถการด้านความงามที่ช่วยแก้ไขปัญหาบริเวณรอบดวงตาโดยไม่ต้องผ่าตัด 2 หัตถการยอดฮิตที่ถูกพูดถึงมาเป็นอันดับต้น ๆ ก็คงหนีไม่พ้น “ฟิลเลอร์” และ “โบท็อก” ที่ตีคู่สูสีกันมา แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังสับสนว่าสองหัตถการนี้เหมือนกันหรือไม่ ? มีข้อแตกต่างกันอย่างไร ? ฉีดตัวไหนดีกว่ากัน บทความนี้ก็เลยจะมาเปรียบเทียบให้เห็นความต่างกันชัด ๆ ไปเลยว่าทั้ง Filler และ Botox มีจุดเด่นหรือข้อจำกัดที่ไม่เหมือนกันอย่างไรบ้าง และหัตถการไหนช่วยแก้ปัญหาเรื่องใดเป็นหลักที่นี่มีคำตอบ

ภาพรวมฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ

ทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ใต้ตา

เป็นหัตถการที่ใช้สารเติมเต็มที่มีชื่อว่า Hyaluronic Acid (ไฮยาลูรอนิก แอซิด) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ถูกทำขึ้นมาเลียนแบบกรดไฮยาลูรอนิกที่เป็นส่วนประกอบของผิวหนังเราอยู่แล้ว ดังนั้นสารชนิดนี้จึงมีความปลอดภัยต่อร่างกายและสุขภาพผิว โดยมีคุณสมบัติช่วยเติมผิวหนังบริเวณใต้ตาให้ดูเต็มขึ้น ฟูขึ้น เหมาะสำหรับนำมาแก้ไขใต้ตาลึก ถุงใต้ตา หรือความเหี่ยวย่นตลอดจนความหมองคล้ำบริเวณใต้ตา ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปแล้วสารเติมเต็มจะเข้าไปทำหน้าที่ทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิวทำให้ผิวมีความเต่งตึงขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง สามารถคงอยู่ได้ตั้งแต่ 6-24 เดือน (*ขึ้นอยู่กับชนิดของสารเติมเต็มและสภาพผิวของแต่ละบุคคล)

ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยเรื่องอะไรบ้าง

  • เติมเต็มร่องลึกใต้ตาให้ดูตื้นขึ้น ใต้ตาอิ่มฟู
  • แก้ไขปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อยให้กระชับ
  • แก้ไขปัญหาใต้ตาหมองคล้ำให้ดูกระจ่างใส หน้าไม่โทรม

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • หลังฉีดฟิลเลอร์จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที
  • แก้ไขปัญหาถุงใต้ตา เบ้าตาลึกโหล ขอบตาดำหรือริ้วรอยใต้ตาได้ดี
  • เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • สารเติมเต็มสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย
  • หากไม่พอใจในผลลัพธ์สามารถแก้ไขได้ง่าย และกลับมาฉีดได้เรื่อย ๆ

ภาพรวมโบท็อกแต่ละยี่ห้อ

ทำความรู้จักกับโบท็อก

คือการฉีดสาร Botulinum toxin A เข้าไปที่บริเวณกล้ามเนื้อทำให้ตัวยาออกฤทธิ์กับระบบประสาททำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัวและทำงานลดลงชั่วคราว ซึ่งเมื่อกล้ามเนื้อมีการคลายตัวมันจึงช่วยลดการเกิดริ้วรอย อีกทั้งยังสามารถปรับรูปหน้าให้เล็กลงและรักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้อีกด้วย ถ้าหากนำมาฉีดบริเวณรอบดวงตาหรือบริเวณใต้ตาก็จะทำให้ริ้วรอยบริเวณดังกล่าวดูจางลงได้ เมื่อแสดงสีหน้าก็จะไม่เห็นรอยย่นหรือรอยพับในบริเวณนั้น ผลลัพธ์จะสามารถอยู่ได้ 4-6 เดือน (*ขึ้นอยู่กับชนิดของตัวยาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล)

โบท็อกใต้ตาช่วยเรื่องอะไรบ้าง

  • ลดริ้วรอยใต้ตา หางตา หรือรอยตีนกาให้ดูจางลง
  • ช่วยให้ผิวบริเวณรอบดวงตากลับมาเรียบเนียนเต่งตึง
  • ทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาดูกระชับขึ้น ทำให้ภาพรวมใบหน้าดูเด็กลง

ข้อดีของการฉีดโบท็อก

  • ลดริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้า ทำให้ผิวดูเรียบเนียน
  • สามารถฉีดได้หลากหลายตำแหน่งบนใบหน้าเพื่อจัดการกับปัญหาริ้วรอย
  • หลังทำไม่ต้องพักฟื้นสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • สามารถเลือกยี่ห้อได้ตามงบประมาณที่จำกัด
  • ช่วยให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น
  • นอกจากลดริ้วรอยยังช่วยลดอาการปวด ลดกลิ่นเหงื่อ และปรับรูปหน้าได้

เปรียบเทียบฟิลเลอร์ใต้ตากับโบท็อกใต้ตา แตกต่างกันอย่างไร

ฟิลเลอร์ใต้ตา ความแตกต่าง โบท็อกใต้ตา
Hyaluronic Acid (HA) สารสกัด Botulinum Toxin A
เข้าไปเติมเต็ม หรือทดแทนไขมัน คอลลาเจน เนื้อ และกระดูกที่ยุบตัวลงใต้ชั้นผิว กระบวนการทำงาน เข้าไปออกฤทธิ์ต่อการทำงานของระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว
คนที่ปัญหามีร่องลึกบนใบหน้า ใต้ตา ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา เหมาะกับใคร คนที่มีริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้า รอบดวงตา หรือบริเวณที่แสดงสีหน้าบ่อย
ทำให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้น ร่องลึกดูตื้นขึ้น เสริมให้ใบหน้าดูละมุน จุดเด่น ริ้วรอยต่าง ๆ ลดลง ทำให้ผิวหน้ามีความเรียบเนียน กระชับ
เห็นการเปลี่ยนแปลงทันที*หลังฉีด กี่วันเห็นผล เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 และดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเห็นได้ชัดภายใน 3-4 วัน
6-24 เดือน ระยะเวลาผลลัพธ์ 4-6 เดือน

สรุปกันง่าย ๆ เลยก็คือฟิลเลอร์จะช่วย “เติมเต็ม” ผิวบริเวณที่มีร่องลึกให้ตื้นขึ้น อย่างคนที่มีปัญหาเบ้าตาลึก ตาโหล หรือมีถุงใต้ตาต้องการเติมเต็มให้ผิวบริเวณใต้ตามีความเรียบเนียนขึ้นก็สามารถทำได้ แต่สำหรับโบท็อกจะเป็นการ “ลดริ้วรอย” ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ หรือเกิดจากการแสดงสีหน้า ทำให้รอยย่น รอยพับดูตื้นขึ้น ดังนั้นทั้ง Filler และ Botox ต่างให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าเรามีความกังวลใจในเรื่องไหนมากเป็นพิเศษ หรือต้องการแก้ไขปัญหาใด แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ช่วยประเมินการรักษาที่เหมาะสมได้ค่ะ

ทั้งสองหัตถการนี้สามารถทำร่วมกันได้ไหม

สามารถทำพร้อมกันได้ค่ะ การทำ 2 หัตถการพร้อมกันมันจะช่วยเสริมให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากคนไข้มีปัญหาร่องลึกใต้ตาก็สามารถเติมเต็มผิวได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ แต่ยังมีความกังวลใจเกี่ยวกับริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณหางตาหรือตีนกาก็สามารถฉีดโบท็อกร่วมด้วยได้ แต่ก่อนทำหัตถการต้องเข้ามาพูดคุยหรือปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปัญหาความกังวลใจและผลลัพธ์ที่อยากให้เกิดขึ้นเพื่อให้แพทย์ได้วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

สรุป

กล่าวโดยสรุปคือ ทั้งฟิลเลอร์ใต้ตาและการฉีดโบท็อกล้วนเป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นทั้งคู่สามารถทำร่วมกันได้และยังทำหน้าที่แตกต่างกันซึ่งการฉีด Filler จะเป็นการเติมผิวในบริเวณที่มีร่องลึก แต่ Botox จะเป็นการฉีดเพื่อลดเริ้วรอย ดังนั้นใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องริ้วรอยร่องลึก หรือปัญหาอื่น ๆ เกี่ยวกับผิวบริเวณรอบดวงตาสามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ได้เลือกหัตถการและวางแผนการแก้ไขได้อย่างตรงจุด หากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถทักเข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ LINE : @doctormekclinic

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดย เปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก