ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีอย่างไร

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี

เลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฉีดแล้วปังไม่พังแน่นอน !!

พูดกันตามตรงว่าปัจจุบันฟิลเลอร์ได้ถูกผลิตขึ้นมาหลายรุ่นหลายยี่ห้อหลายสัญชาติกันจนหลายคนสับสนว่าแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างไร ให้ผลลัพธ์หลังฉีดเหมือนกันไหม จนมีคำถามเกิดขึ้นมาว่า “ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี” เมื่อเกิดคำถามนี้ขึ้นเราจึงได้ทำการรวบรวมยี่ห้อฟิลเลอร์ตัวท็อปที่กำลังมาแรงในปี 2024 มาฝากทุกคนค่ะ ซึ่งแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อที่เราได้รวบรวมมาในบทความนี้ล้วนผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากอย.มาแล้วทั้งสิ้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจหรือกำลังศึกษายี่ห้อ Filler สามารถเลือกฉีดได้ไร้ความกังวลค่ะ

ฟิลเลอร์คืออะไร มีทั้งหมดกี่แบบ

คือ หัตถการด้านความงามที่ใช้วิธีการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) เพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้กับผิวทำให้ผิวหน้ามีความอิ่มฟูดูตึงกระชับมากยิ่งขึ้น โดยสารชนิดนี้เป็นสารที่ผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายของเราตามธรรมชาติ และยังมีคุณสมบัติที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ใต้ชั้นผิว สามารถนำมาปรับโครงสร้างใบหน้าได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าแต่ไม่ต้องการผ่าตัด เพราะหัตถการนี้สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดโดยไม่ต้องพักฟื้น และยังมีความปลอดภัยสูงอีกด้วยค่ะ

ซึ่งฟิลเลอร์ก็จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้

ฟิลเลอร์ชั่วคราว (Temporary Filler) – เป็นสารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปแล้วสามารถสลายได้เองตามกลไกธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง เป็นฟิลเลอร์ที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกและผ่านอย.ไทย สามารถคงสภาพอยู่ได้ราวๆ 6-24 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อที่เลือกใช้)

ฟิลเลอร์กึ่งถาวร (Semi Permanent Filler) – เป็นสารที่ให้ระยะเวลาผลลัพธ์มากกว่าแบบชั่วคราว มีความปลอดภัย มีการศึกษามาอย่างยาวนานแต่ก็มีข้อที่ควรระวังดังนั้นก่อนฉีดควรศึกษาให้ดีก่อน เช่น สาร แคลเซียมไอดอกซี่ (เรเดียส), Poly-L-lactic acid เป็นต้น

ฟิลเลอร์ถาวร (Permanent Filler) – เป็นสารที่เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะอยู่ใต้ชั้นผิวไปตลอดไม่สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ และไม่สามารถฉีดสลายได้อีกทั้งยังก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาในระยะยาว โดยส่วนผสมมักจะเป็นซิลิโคนเหลว พาราฟิน หรือสาร Polymethyl-methacrylate microspheres  (PMMA) เป็นต้น

สำหรับสารเติมเต็มที่ถูกนำมาใช้ในประเทศไทยจะเป็นสารเติมเต็มที่เป็นไฮยาลูรอนิค แอซิด ที่ให้ผลลัพธ์ได้เพียงชั่วคราวแต่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติและมีความปลอดภัยสูงมากที่สุดเมื่อเทียบกับสารเติมเต็มแบบถาวรและกึ่งถาวร

การเลือกฉีดฟิลเลอร์ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง

ก่อนเลือกฉีดฟิลเลอร์ต้องพิจารณาหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่ฉีด ความหนักเบาของปัญหาที่เกิดขึ้น รุ่นที่เลือกใช้ และคุณสมบัติของสารเติมเต็มแต่ละยี่ห้อ เนื่องจากแต่ละตำแหน่งจะใช้สารเติมเต็มที่ไม่เหมือนกัน และยังใช้ปริมาณแตกต่างกัน เช่น หากเราฉีดบริเวณใต้ตาก็ไม่ควรใช้สารเติมเต็มที่มีลักษณะเป็นเนื้อแข็งเพราะอาจทำให้ใต้ตาเป็นก้อนได้ ในบางกรณีอาจใช้สารเติมเต็มถึง 2 ชนิดด้วยกันเพื่อกลบร่องลึกและเก็บรายละเอียดจนได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ สำหรับเนื้อฟิลเลอร์ก็จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้

  • เนื้อแข็ง – สารเติมเต็มในลักษณะนี้จะให้ความคงตัวสูง เนื้อสัมผัสหนาแน่น เหมาะแก่การนำมายกผิวในบริเวณชั้นกระดูกหรือชั้นใกล้เคียงกับกระดูก มักนิยมนำมาปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
  • เนื้อนิ่ม – มีลักษณะเป็นเนื้อเจล เนื้อสัมผัสมีความนุ่ม มีความยืดหยุ่นกลางๆ เหมาะสำหรับนำมาฉีดบริเวณร่องแก้ม ปาก แก้มตอบ หรือหน้าผาก
  • เนื้อละเอียด – สำหรับสารเติมเต็มประเภทนี้จะให้ความยืดหยุ่นน้อย มีความบางเบา เหมาะสำหรับนำมาฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาผิวบางๆหรือบริเวณที่ไม่ต้องการความยืดหยุ่นเยอะ สลายได้ง่ายกว่าประเภทอื่น

ฟิลเลอร์มีกี่ยี่ห้อ เลือกฉีดยี่ห้อไหนดี

อย่างที่ทราบกันดีว่าฟิลเลอร์ในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อที่ได้นำเข้ามาในประเทศไทยและผ่านการรับรองจากอย.ไทย เราขอแนะนำ 9 ยี่ห้อตัวท็อปที่คลินิกคัดสรรนำเข้ามาให้บริการกับทุกคน ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีแยกรุ่นแยกคุณสมบัติออกไปอีก ดังนี้

Restylane

ฟิลเลอร์ Restylane

ฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดน เป็นยี่ห้อที่ได้รับการยอมรับและถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกเลยทีเดียว เพราะเป็นสารเติมเต็มที่มีความหลากหลาย เหมาะสำหรับนำมาฉีดแก้ไขปัญหาได้หลากหลายจุดบนใบหน้า มาพร้อมกับจุดเด่นที่ทำให้สารเติมเต็มมีค่าความยืดหยุ่นสูงทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น สามารถพยุงผิวได้ดี ปัจจุบันได้ผลิตออกมาทั้งหมด 8 รุ่น

จุดเด่น : สามารถพยุงผิวได้ดีและมีให้เลือกใช้หลายรุ่นตอบโจทย์กับปัญหาและสภาพผิวที่แตกต่างกันได้อย่างครอบคลุม

ผลลัพธ์ : 6-18 เดือน (*ขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

Juvederm

ฟิลเลอร์ Juvederm

สารเติมเต็มจากประเทศอเมริกา เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ถูกนำมาใช้ในวงการความงามมากเช่นเดียวกัน และเป็นยี่ห้อที่หลายคนให้ความคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งจุดเด่นของมันเลยก็คือมีให้เลือกหลายรุ่น มีโมเลกุลที่หลากหลาย ฉีดเข้าไปแล้วมีความเรียบเนียน เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูงบางรุ่นจะสามารถทนต่อแรงเคลื่อนไหวบนใบหน้าได้ดี ปัจจุบันมีให้เลือกทั้งหมด 7 รุ่นด้วยกัน

จุดเด่น : ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน ฉีดไปแล้วเรียบเนียนไปกับผิวไม่เป็นก้อน มีให้เลือกตั้งแต่เนื้อแข็งไปจนถึงเนื้อที่มีความบางเบา

ผลลัพธ์ : 12-24 เดือน (*ขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

Belotero

ฟิลเลอร์ Belotero

ฟิลเลอร์สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์เป็นแบรนด์ที่แค่เห็นตัวกล่องก็สะดุดตา มาพร้อมกับการแก้ไขปัญหาผิวบนใบหน้าได้อย่างครอบคลุม สามารถเติมเต็มผิวในบริเวณที่มีร่องลึก ปรับรูปหน้า หรือเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปากดูสุขภาพดีก็สามารถทำได้ ทั้งยังออกแบบรุ่นสำหรับการฟื้นฟูปรับปรุงคุณภาพผิวโดยเฉพาะ และถูกยกให้เป็นฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลกที่มี Hyaluronic Acid และ Glycerol เข้ามาไว้ด้วยกันในกล่องเดียว

จุดเด่น : จัดการปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม และมีรุ่นที่เหมาะสำหรับนำมาปรับปรุงคุณภาพผิว

ผลลัพธ์ : 6-9 เดือน (*ขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

Yvoire

ฟิลเลอร์ Yvoire

ฟิลเลอร์คุณภาพพรีเมี่ยมจากประเทศเกาหลีที่ใช้นวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัยทำให้สารเติมเต็มยึดเกาะแน่น มีความปลอดภัย เมื่อฉีดไปแล้วจะสัมผัสได้ว่าตัวสารเติมเต็มมีความเรียบเนียนไปกับผิวไม่เป็นก้อน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่ผลิตไซริงค์ทำให้การรักษามีความเสถียรภาพแพทย์สามารถการตัวยาเข้าสู่ผิวได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

จุดเด่น : ฉีดแล้วมีความเรียบเนียน ไม่เป็นก้อน และให้ความเสถียรภาพในการรักษา

ผลลัพธ์ : 6-18 เดือน (*ขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

Neuramis

ฟิลเลอร์ Yvoire

เป็นอีกหนึ่งตัวดังที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย เพราะให้ประสิทธิภาพผลลัพธ์ที่ดีในราคาที่ย่อมเยากว่ายี่ห้ออื่นๆ สำหรับนิวรามิสหรือที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อของฟิลเลอร์กล่องดำ มีให้เลือกทั้งรุ่นที่มียาชาผสมและรุ่นที่ไม่มียาชา พร้อมกับคุณสมบัติที่สามารถเพิ่มความอิ่มฟูหรือนำมาปั้นทรงได้สวย

จุดเด่น : นำมาปั้นทรงได้ดี เติมเต็มร่องลึกและให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพในราคาย่อมเยา

ผลลัพธ์ : 6-18 เดือน (*ขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

Revolax

ฟิลเลอร์ Revolax

แบรนด์นี้ถูกพูดถึงและเป็นที่นิยมอย่างมากจากทางยุโรป เพราะมีกระบวนการผลิตที่ทำให้สารเติมเต็มมีความบริสุทธิ์สูงเหมาะแก่การนำมาปรับรูปหน้า เก็บกรอบหน้าให้เรียวสวย เติมเต็มวอลลุ่มให้กับผิว หรือเพิ่มความอวบอิ่มและความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ซึ่งในทุกรุ่นของรีโวแลกซ์ ยังมียาชาผสมเพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บระหว่างการรักษา

จุดเด่น : มีกระบวนการผลิตที่ทำให้สารเติมเต็มขึ้นรูปทรงได้สวย และทนทุกสภาพอุณหภูมิ

ผลลัพธ์ : 9-18 เดือน (*ขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

Teoxane

ฟิลเลอร์ Teoxane

เป็นฟิลเลอร์คุณภาพอีก 1 ตัวจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะทำให้สารเติมเต็มบางรุ่นยืดหยุ่นไปตามแรงเคลื่อนไหวและกลับมาคืนรูปได้เหมือนปกติโดยไม่ทำให้สารเติมเต็มนั้นผิดรูปแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีรุ่นสำหรับนำมาปรับปรุงคุณภาพผิว หรือแก้ไขปัญหาผิวที่เกิดการสูญเสียคอลลาเจนจากอายุที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดเด่น : ตัวเนื้อเจลยืดหยุ่นไปตามแรงเคลื่อนไหวบนใบหน้าได้ดีไม่ผิดรูป

ผลลัพธ์ : 3-18 เดือน (*ขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

Mesofiller

ฟิลเลอร์ Mesofiller

สำหรับตัวเมโสฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มจากประเทศสเปน แบรนด์นี้จะให้ความโดดเด่นในเรื่องของการฉีดจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะ เพราะเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในตอนนี้ที่ผ่านอย.ไทยสำหรับการฉีดเติมเต็มจุดซ่อนเร้น และยังมีรุ่นที่เหมาะสำหรับนำมาฉีดหน้าที่มีเนื้อโมเลกุลความเข้มข้นที่แตกต่างกันสามารถนำมาปั้นทรง ยกกระชับ หรือเติมเต็มร่องลึกของผิวได้ดี

จุดเด่น : มีรุ่นสำหรับฉีดจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะที่ผ่านอย.ไทยเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียว

ผลลัพธ์ : 9-12 เดือน (*ขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

Ultra V Hyal Filler

ฟิลเลอร์ Ultra V Hyal Filler

มาที่ยี่ห้อสุดท้ายซึ่งเป็นอีกหนึ่งสารเติมเต็มจากประเทศเกาหลี จุดเด่นที่สำคัญของแบรนด์นี้เลยคือเป็นแบรนด์แรกของโลกที่ผสาน 2 อนุภาคของกรดไฮยาลูรอนิกส์เข้ามาไว้ด้วยกัน ทำให้ตัวสารมีประสิทธิภาพสูงและสามารถยึดเกาะกับผิวได้อย่างแข็งแรง ฉีดเข้าไปแล้วคงรูปได้ดี เกลี่ยง่ายให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและมีความเรียบเนียน

จุดเด่น : เนื้อฟิลเลอร์เกาะกับผิวได้ดี เกลี่ยง่าย มีความยืดหยุ่นสูงสามารถนำมาเติมวอลลุ่มได้ดี

ผลลัพธ์ : 8-24 เดือน (*ขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

ฟิลเลอร์ของแท้-ปลอม ดูจากอะไร

ต้องยอมรับว่าฟิลเลอร์ปลอมยังคงปะปนกันอยู่ในท้องตลาดความงามทำให้หลายคนแทบดูไม่ออกเลยว่าสารเติมเต็มที่ฉีดเป็นของแท้หรือไม่ แต่ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะแต่ละยี่ห้อจะมีจุดสังเกตที่ทำให้เราเช็กได้ว่านี่เป็นของแท้ โดยเราสามารถดูได้จาก

  1. กล่องฟิลเลอร์จะต้องถูกปิดสนิท ไม่มีรอยแกะ และไม่ผ่านการใช้งานมาก่อน
  2. สังเกตเลข Lot. วัน /เดือน/ปี ที่ผลิตและหมดอายุ ต้องตรงกันทุกจุด
  3. ของแท้ที่ผ่านอย.จะมีเอกสารกำกับภาษาไทยทุกกล่อง
  4. บางยี่ห้อจะมีให้สแกน QR Code เช็กของแท้ สามารถสังเกต QR Code ได้จากบริเวณตัวกล่อง
  5. สามารถนำเลข Lot. ไปเช็กได้ที่เบอร์โทรศัพท์ของบริษัทผู้นำเข้าตัวยา

สรุป

ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อต่างมีจุดเด่นและจุดขายที่แตกต่างกัน แต่ทางที่ดีที่สุดควรเลือกยี่ห้อหรือรุ่นที่เข้ากับสภาพผิวและปัญหาที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเรา เพราะฟิลเลอร์ยี่ห้อเดียวไม่สามารถแก้ไขได้กับทุกจุดหรือทุกปัญหา ดังนั้นควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน และวางแผนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเรานั้นเหมาะสำหรับฉีดสารเติมเต็มยี่ห้อไหน และฉีดรุ่นอะไรในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดย เปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก