ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง
Filler กรอบหน้า
ปรับแต่งกรอบหน้าให้ดูชัดเจน V-Shape มีสัดส่วนที่เหมาะสมกับใบหน้า
ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นหัตถการที่ได้รับความสนใจจากแวดวงการความงามมาโดยตลอด ทั้งยังเป็นที่ยอมรับจากวงการแพทย์อีกด้วยว่ามีความปลอดภัยสูงต่อผิวหนังของมนุษย์เนื่องจากมีสารสกัดของสาร Hyaluronic acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่มาจากธรรมชาติและมีอยู่ในร่างกายของเรา มีคุณสมบัติช่วยยกกระชับ ปรับรูปหน้าให้ดูเด็กลง พร้อมเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ให้ดูตื้นขึ้น ใช้ระยะเวลาทำน้อย เห็นผลเร็วและยังไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นด้วย จึงทำให้การบริการนี้ถูกพูดถึงในวงกว้างเป็นระยะเวลาอันยาวนาน
การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คือ โปรแกรมความงามที่ใช้สารจำพวก Hyaluronic acid (ไฮยาลูรอนิค แอซิด) หรือที่เราเรียกกันว่า HA ถูกสกัดมาจากธรรมชาติพร้อมกรรมวิธีในการคัดแยกแบบพิเศษจึงมีความปลอดภัยต่อผิว ซึ่งสารประเภทนี้มีคุณสมบัติเพื่อเข้ามาทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิวที่เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายเราก็อาจจะสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป อย่างเช่น คอลลาเจนหรือไฮยาลูรอน มีโมเลกุลขนาดเล็กสามารถลงลึกเข้าสู่ใต้ชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วก็จะทำให้ริ้วรอยตามจุดต่าง ๆ ดูตื้นขึ้น ผิวเต่งตึง ช่วยปรับสภาพสีผิว กระชับรูขุมขนบริเวณจุดที่เกิดปัญหาร่องลึก มอบผิวที่ดูเนียนละเอียด
เราจะขอแบ่งออกมาเป็น 3 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีความแตกต่างกันตามส่วนประกอบ จุดประสงค์ที่ใช้ในการรักษารวมไปถึงระยะเวลาของผลลัพธ์ ได้แก่ HA-Filler , FAT-Filler และ Filler ถาวร จะมีความแตกต่างกันอย่างไรไปดูกันเลยค่ะ
HA-Filler หรือไฮยาลูโรนิค แอซิด เป็นสารประเภทกึ่งถาวร ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายคนเราจะมีอยู่แล้วตามกระดูกอ่อนและผิวหนัง เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนส่วนที่ร่างกายสูญเสียไป เป็นสารที่ทางการแพทย์ทั่วโลกนิยมเลือกใช้กันมากที่สุดเนื่องจากมีความปลอดภัยสูงได้มาตรฐาน ทั้งยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ระยะเวลาของสารประเภทนี้ก็จะคงอยู่ได้ราว ๆ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำหรือชนิดของ Filler เลือกใช้ค่ะ
เป็นสารกึ่งถาวรสำหรับการฉีดไขมัน (Autologous Fat Grafting) หรือเป็นการปลูกถ่ายเซลล์ไขมันรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะมีการนำเซลล์ไขมันจะส่วนต่าง ๆ ในร่างกายมาผ่านกระบวนการคัดกรองเพื่อให้ได้เนื้อเยื่อไขมัน หลังจากนั้นก็จะนำมาฉีดในจุดที่ต้องการ แต่ภายหลังจากที่ฉีดไขมันเหล่านั้นอาจจะสลายไปได้ถึง 30-40% ทำให้คนไข้บางรายเมื่อฉีดเข้าไปแล้วก็หายไปเกือบหมดจนต้องฉีดเข้าไปในปริมาณที่เยอะขึ้นเพื่อไม่ให้มันสลายตัว จึงทำให้ใบหน้าจะดูบวมมากในช่วงเดือนแรก ๆ
เป็นสารที่สามารถคงสภาพอยู่ภายใต้ผิวหนังได้นาน ซึ่งมันค่อนข้างมีประโยชน์กับการนำไปรักษาโรค แต่จะไม่นิยมนำมาฉีดเพื่อเสริมความงามบนใบหน้า เนื่องจากมันก่อให้เกิดความเสี่ยงและเป็นอันตราย เพราะมันไม่สามารถสลายได้เองจึงอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อผิว เปรียบเสมือนการฉีดพลาสติกเข้าสู่ร่างกายที่ช่วงแรก ๆ อาจจะดูสวยแต่ในเวลาต่อมามันจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน เช่น ผิวดูขรุขระเป็นคลื่น ดูเป็นก้อน ๆ หน้าบวมผิดรูป มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง ๆ หรือดูห้อยย้อย จึงเป็นสารเติมเต็มที่แพทย์หลายคนไม่นิยมนำมาใช้เพื่อตกแต่งเสริมความงามกันค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เป็นหัตถการที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า ช่วยเติมเต็มผิวในจุดที่บกพร่อง นอกจากนี้ ยังสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นมีความเป็นธรรมชาติ โดยการฉีดสารเติมเต็มช่วยแก้ปัญหาได้ ดังนี้
ปรับแต่งกรอบหน้าให้ดูชัดเจน V-Shape มีสัดส่วนที่เหมาะสมกับใบหน้า
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการกับทางคลินิก หลายคนประทับใจในผลลัพธ์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ* ไม่ว่าจะเป็นใต้ตาที่ดูสดใสขึ้น หรือจุดอื่น ๆ ที่ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
รวมไปถึงงานแก้จากการฉีดที่อื่นมาแล้วเกิดปัญหาก็ได้เข้ามาใช้บริการให้แพทย์ช่วยแก้ไขให้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้กลับไปสร้างความพึงพอใจให้กับคนไข้เป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ
ก่อนเลือกฉีดฟิลเลอร์ควรพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยประสบการณ์และทักษะความรู้เฉพาะทางของแพทย์ รวมถึงต้องมีมาตรฐานที่ครบครัน จึงจะได้ผลลัพธ์ที่สวยและมีความปลอดภัย โดยควรพิจารณาจากปัจจัยสำคัญ ดังนี้
หลักการพิจารณาเลือกคลินิกฉีดสารเติมเต็มให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมีความปลอดภัย สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ คลินิกนั้น ๆ จะต้องมีรีวิวจากเคสคนไข้จริงที่เข้ารับบริการให้เลือกดูเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ทั้งที่เป็นภาพนิ่งก่อน-หลัง, วิดีโอ รวมถึงการไลฟ์สดที่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของผลลัพธ์หลังการรักษาอย่างชัดเจน ซึ่งรีวิวของคนไข้จริงจะเป็นตัวการันตีฝีมือและความเชี่ยวชาญของแพทย์ท่านนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี
หลังจากการฉีดสารเติมเต็มหรือ Filler นั้น อาจมีรอยเข็มให้เห็นบริเวณผิวที่ฉีดสารเติมเต็ม รวมถึงอาการบวม รอยแดง รอยเขียวช้ำที่เกิดจากรอยเข็ม สำหรับอาการปวดตึงพบได้ 3-7 วันแรก, รอยแดง รอยเขียวช้ำ จะค่อย ๆ บรรเทาและหายได้ใน 7 วัน และอาการบวมจะอยู่ประมาณ 7-14 วัน โดยอาการเหล่านี้ถือว่าเป็นภาวะปกติที่พบได้ ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ซึ่งคนไข้สามารถใช้วิธีการประคบเย็นและการรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการตามที่แพทย์สั่งได้ค่ะ
เป็นสิ่งที่หลายคนกลัวว่าเมื่อฉีดไปแล้วจะเกิดปัญหานี้ขึ้นกับตัวเองเพราะมีข่าวเกิดขึ้นเยอะแยะมากมายตามสื่อต่าง ๆ แต่เรามาดูสาเหตุกันก่อนดีกว่าค่ะว่า Filler เป็นก้อนที่มักพบบ่อยในปัจจุบันเกิดจากสาเหตุใดบ้าง
นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของการติดเชื้อเกิดขึ้น สามารถสังเกตได้จากการเอามือไปกดบริเวณที่บวม หากมีอาการปวด เจ็บ หรือรู้สึกร้อนบนใบหน้ามากกว่าปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันทีค่ะ
คือ การนำเอาตัวยาไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase : HYAL) ฉีดเพื่อสลาย Filler ออกไปได้ ซึ่งในกรณีของการฉีดสลายจะต้องเป็นของแท้ที่มีสาร HA (Hyaluronic Acid) เท่านั้นจึงจะสามารถทำได้ แพทย์จะเข้ามาสอบถามเบื้องต้นเกี่ยวกับปัญหาและจำนวน CC ที่คนไข้เคยฉีดเข้าไป เพื่อคำนวณปริมาณตัวยาที่ฉีดสลายให้เหมาะสม โดยไม่ส่งผลกระทบกับเนื้อเยื่อหรือส่วนอื่น ๆ
ตัวยาจะเริ่มทำงานทันทีหลังจากที่ฉีดเข้าไป ซึ่งภายใน 48 ชั่วโมงหรือหลังจากที่ฉีดเข้าไปแล้ว 2 วัน จะเห็นได้ว่าก้อน Filler เริ่มยุบตัวลงและหายไป ตัวยาจะออกฤทธิ์ได้นาน 2 สัปดาห์หลังจากนั้นแพทย์จะเป็นผู้ประเมินการรักษาให้อีกครั้งค่ะ
สามารถกลับมาทำได้ค่ะ โดยเฉพาะในกรณีที่มีก้อนบวมขนาดใหญ่จะต้องกลับมาฉีดซ้ำหลายครั้งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินจำนวนครั้งการรักษาให้ ส่วนมากจะทิ้งระยะห่างประมาณ 2 สัปดาห์
อย่างที่ทราบกันดีว่าคุณสมบัติของแต่ละแบรนด์นั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนเข้าทำการรักษาแพทย์จะเป็นผู้สอบถาม พูดคุยเกี่ยวกับความต้องการของคนไข้รวมไปถึงวิเคราะห์ปัญหาผิวบนใบหน้าเพื่อวางแผนการรักษาและใช้ยี่ห้อที่เข้ากับผิวของคนไข้แบบรายบุคคลค่ะ
สมัยนี้มี Filler ให้เลือกใช้บริการตามคลินิกเยอะแยะมากหมาย เพื่อไม่ให้ถูกหลอกเราสามารถสังเกตได้จาก
แนะนำให้อ่าน ดูยังไงให้ชัวร์กับวิธีเช็คฟิลเลอร์แท้ ปลอม เช็คให้ดี ไม่ต้องกลัวโดนหลอก (คลิกเลย)
การใช้ Filler ที่ไม่ผ่านมาตรฐานหรือเป็นของลอกเลียนแบบผลที่เกิดขึ้นคือเมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะทำให้มีอาการแพ้ฟิลเลอร์ เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ บวมแดง เนื้อผิวดูห้อยย้อยหรือเป็นก้อนแข็ง ๆ ทำให้ผิวขรุขระไม่เรียบเนียนและหนักถึงขั้นทำให้เนื้อตายได้เลยค่ะ และหากใครที่หลงไปใช้ของปลอมอาจจะต้องมีการผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้นเลยค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์ ราคา ในการฉีดแต่ละจุดมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัจจัยของสภาพปัญหาผิว บริเวณที่ฉีด จำนวนที่ฉีดเข้าไป หรือยี่ห้อที่เราเลือกใช้ และในบางพื้นที่ก็ต้องมีการใช้เทคนิคพิเศษของแพทย์ร่วมด้วยซึ่งมันก็มีความยากง่ายในการรักษาของคนไข้แต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน แนะนำให้เข้ามาให้แพทย์ช่วยประเมินการรักษาเบื้องต้นจะดีที่สุดค่ะ นอกจากนี้ยังมีในส่วนของโปรโมชั่นอื่น ๆ ร่วมกับหัตถการภายในคลินิก หรือตามเทศกาลต่าง ๆ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดอัตราค่าบริการเพิ่มเติมตามช่องทางการติดต่อของคลินิกได้เลยนะคะ
การฉีดฟิลเลอร์เป็นการใช้สารไฮยาลูรอนิก แอซิด ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นเลียนแบบสารไฮยาลูรอนิก แอซิดที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายเรา และผ่านเทคโนโลยีการผลิตแบบพิเศษจนได้สารเติมเต็มที่บริสุทธิ์ มีความปลอดภัยต่อร่างกาย เมื่อเวลาผ่านไปสารเติมเต็มจะสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่เหลือสารตกค้างในร่างกาย แต่ทั้งนี้ การฉีดสารเติมเต็มจะมีความปลอดภัย ไม่เสี่ยงกับอันตรายหรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยในเรื่องความเชี่ยวชาญของแพทย์ เลือกฉีดกับสถานพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงเลือกฉีดสารเติมเต็มของแท้ ไม่ใช่ยาปลอม ไม่ใช่ยาหิ้ว ดังนั้น ก่อนพิจารณาเลือกฉีดกับใคร ฉีดที่ไหน ก็ต้องหาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนค่ะ
จำนวน CC ในแต่ละครั้งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและโครงสร้างใบหน้าร่วมกับความต้องการของคนไข้แต่ละคนเพื่อผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับรูปหน้าและตอบโจทย์กับสิ่งที่คนไข้อยากได้ควบคู่กันไปค่ะ แต่ละคนก็จะมีปริมาณในการใช้ Filler ที่ไม่เหมือนกัน
ระยะเวลาของผลลัพธ์หลังการฉีดสารเติมเต็มนั้น อาจมีความแตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยของสภาพปัญหาผิว, การเลือกใช้ประเภทหรือยี่ห้อสารเติมเต็ม, การใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการดูแลตัวเองของคนไข้แต่ละคน ซึ่งโดยส่วนมากแล้วหลังฉีดฟิลเลอร์จะให้ผลลัพธ์ยาวนานประมาณ 6 เดือน ไปจนถึง 2 ปี* โดยถึงแม้ว่าการฉีดสารเติมเต็มนั้นอาจให้ผลลัพธ์ไม่ถาวร แต่คนไข้สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ในภายหลัง เพื่อคงประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้คงอยู่ได้นานค่ะ
อย่างที่ได้อธิบายไว้ในตอนต้นนะคะว่า ถึงแม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ไม่ถาวร โดยจะคงผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพผิว, ยี่ห้อสารเติมเต็ม และการดูแลตัวเอง) ซึ่งเมื่อระยะเวลาผ่านไปสารเติมเต็มจะสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ และหากคนไข้สังเกตได้ว่าปัญหาผิวเริ่มกลับมาอีก หรือต้องการกลับมาฉีดสารเติมเต็มใหม่อีกครั้งก็สามารถทำได้ค่ะ หรือในกรณีที่ต้องการแก้ Filler โดยที่สารเติมเต็มยังไม่สลายตัว ก็สามรถเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทำการฉีดสลายสารเติมเต็มของเก่าออก จากนั้น จะต้องรอประมาณ 2 สัปดาห์ (หริอตามระยะเวลาที่แพทย์พิจารณาตามความเหมาะสม) จึงจะสามารถฉีดสารเติมเต็มใหม่ได้ค่ะ
ในปัจจุบัน มีนวัตกรรมการเติมเต็มผิวอยู่หลากหลายวิธี โดยมากนั้นมักจะมีการพูดถึงและการเปรียบเทียบกับบริการอื่น ๆ ซึ่งมีจุดประสงค์ในการรักษาที่คล้ายคลึงกัน นั่นก็คือ การฉีดไขมัน และนวัตกรรมการใช้สารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) ที่กำลังมาแรงมาก ๆ ในขณะนี้ค่ะ แต่ทั้งนี้ ในแต่ละบริการจะมีข้อที่แตกต่างกันในเรื่องของวิธีการ, สารประกอบ และผลลัพธ์ ดังนี้ค่ะ
สำหรับการฉีดสารเติมเต็มหรือ Filler นั้น จะเป็นการใช้สารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่มีกลไกเข้าไปเติมเต็มวอลลุ่มผิวบริเวณที่ต้องการให้กลับมาอิ่มฟู ยกกระชับ ปรับสภาพผิว ซึ่งจะให้ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในทันที ส่วนการใช้สารกระตุ้นคอลลาเจนอื่น ๆ อาทิ Sculptra, Radiesse หรือ Gouri จะเป็นการใช้ส่วนประกอบหลักที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว เพื่อปรับปรุงโครงสร้างผิวและให้ผลลัพธ์แบบระยะยาว ซึ่งในแง่ของการเพิ่มวอลลุ่มนั้นอาจเห็นผลได้ในช่วงแรกที่ฉีด แต่หลังจากนั้นสารน้ำที่ถูกเติมเข้าไปกับตัวยาจะถูกดูดซึม จึงทำให้ผิวกลับมายุบตัวได้เล็กน้อยอีกครั้ง แต่หลังจากนี้จะเกิดกลไกกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกลับมาอิ่มฟู ยกกระชับ ริ้วรอยร่องลึกตื้นขึ้น คุณภาพผิว (Skin Quality) ดีขึ้น ซึ่งจะคงผลลัพธ์ได้ยาวนานเป็นปี ๆ เลยค่ะ
นอกจากการใช้สารกระตุ้นคอลลาเจนแล้ว ยังมีวิธีการฉีดไขมันที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกันค่ะ แต่การนำไขมันมาฉีดนั้น อาจมีข้อด้อยตรงที่ใช้ปริมาณไขมันที่มากกว่าการฉีดสารเติมเต็มหรือFiller รวมถึงยังมีวิธีการที่ยุ่งยากซับซ้อนมากกว่า ทั้งการดูดไขมัน นำไขมันที่ได้มาปั่นเพื่อคัดแยกให้เหลือเพียงเซลล์ไขมันบริสุทธิ์ จากนั้น จึงนำมาฉีดเติมเต็มยังบริเวณที่ต้องการ ส่วนผลลัพธ์ที่ได้นั้นอาจทำให้เซลล์ไขมันมีโอกาสสลายตัวได้ 30-40% หรือบางเคสอาจมีการสลายตัวได้เร็วกว่าปกติ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนไข้แต่ละราย นอกจากนี้ คนไข้ต้องมีการพักฟื้นหลังทำ มีการดูแลตัวเองมากกว่า และยังทำให้ใบหน้าที่ฉีดไขมันเกิดอาการบวมในช่วง 4 สัปดาห์แรก จึงอาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องการใช้หน้าหรือออกงานสำคัญ ๆ ในเวลาอันใกล้
ส่วนใครจะเหมาะกับโปรแกรมไหนนั้น แนะนำให้ศึกษาข้อดีและข้อเสียอย่างละเอียด รวมถึงแนะนำให้คนไข้เข้ารับการตรวจวิเคราะห์ปัญหาผิว รวมถึงพูดคุยปรึกษากับแพทย์ของ Doctor Mek Clinic กันอย่างละเอียด เพื่อที่แพทย์จะได้ทำการวิเคราะห์หาสาเหตุ, สอบถามความต้องการของคนไข้ และแนะนำวิธีการเติมเต็มผิวที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละรายมากที่สุด เพื่อการแก้ปัญหาที่ตรงจุดและให้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์มากที่สุดนั่นเองค่ะ
หากใครที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ หมอเมฆ หรือบริการด้านความงามสามารถทักเข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ Doctor Mek Clinic ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย และสำหรับผู้ที่ต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับ Filler หมอเมฆ ราคาสามารถทักเข้ามาสอบถามกับทางแอดมินได้เลยค่ะ คลินิกของเรายินดีให้บริการและพร้อมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อสร้างผลลัพธ์อันน่าประทับใจให้กับทุกท่าน
โปรแกรมนี้ก่อนทำการรักษาจะมีการแปะหรือฉีดยาชาก่อนเพื่อลดอาการบาดเจ็บ นอกจากนี้ตัว Filler บางชนิดก็จะมียาชาผสมอยู่ด้วย จึงทำให้ระหว่างทำจึงไม่ค่อยรู้สึกถึงความเจ็บปวดค่ะ
หัตถการนี้หลังฉีดแล้วเราจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทันที*ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ70-80% เลยค่ะ สามารถกลับไปใช้ชีวิต ช็อปปิ้งหรือทำงานได้ตามปกติโดยไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเพราะไม่มีขั้นตอนของการผ่าตัด ซึ่งหลังจากนั้นผลลัพธ์จะดูเข้าที่100% ภายในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน
Filler เป็นหัตถการที่สามารถรักษาร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโบท็อกซ์ ร้อยไหม หรือโปรแกรมความงามอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งก่อนทำหัตถการจะมีแพทย์เข้ามาประเมินปัญหาผิว วางแผนการรักษาให้เหมาะสมแบบรายบุคคลเพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติค่ะ
เพราะ Filler ก็เหมือนงานศิลปะรูปแบบหนึ่งจะต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์และเทคนิคการปั้นทรงของแพทย์ผู้ทำการรักษาเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาโดดเด่นเข้ากับรูปหน้าของคนไข้แต่ละคน
การฉีด Filler จะไม่ทำให้หน้าดูเหี่ยวหรือแก่ลง แต่จะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้นจากการที่มันเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นใต้ผิว ทำให้จำนวนคอลลาเจนมีจำนวนมากขึ้น เมื่อFiller สลายหมดแล้วทั้งคอลลาเจนและอีลาสตินก็ยังคงอยู่ ไม่ทำให้หน้าดูเหี่ยวและแก่ลงอย่างแน่นอน แถมผิวหน้าดูมีสุขภาพดีขึ้นกว่าตอนก่อนฉีดอีกด้วยค่ะ แต่สำหรับใครที่สงสัยว่าแล้วเราต้องรอให้ Filler หมดก่อนรึเปล่าถึงจะเริ่มฉีดใหม่ได้ จริง ๆ แล้วเราสามารถเติมได้เรื่อย ๆ ตามตำแหน่งที่ต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มันหมดก็ได้ค่ะ แต่ขั้นตอนการเติม Filler ก็ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ด้วยนะคะ
ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้เราฉีดกับยี่ห้อนึง แต่อยากเปลี่ยนไปใช้อีกรุ่นนึงก็สามารถเปลี่ยนได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องฉีดยี่ห้อเดิมค่ะ ซึ่งการเปลี่ยนยี่ห้อนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผิวหนัง คนไข้สามารถปรึกษาร่วมกับแพทย์ที่ทำการรักษาได้เลยค่ะ
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า