หากคุณกำลังมองหาทางเลือกในการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด “โปรแกรม Ulthera Prime” คือ คำตอบที่น่าสนใจและเป็นเทคโนโลยีเครื่องรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ด้วยการพัฒนาไปอีกขั้นทำให้แตกต่างจากรุ่นก่อนนี้ ทั้งในแง่ของเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพขึ้นและความแม่นยำ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าโปรแกรมนี้คืออะไร, ราคาเท่าไหร่, เหมาะกับใครบ้าง และแตกต่างจากรุ่น SPT อย่างไรบ้าง ซึ่งเราจะมาเจาะลึกเพื่อให้เข้าใจได้อย่างละเอียดในบทความนี้ พร้อมดูรีวิวจากคนไข้จริงที่เคยเข้ารับบริการ เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการตัดสินใจก่อนทำ

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

โปรแกรม Ulthera Prime คืออะไร

โปรแกรม Ultherapy Prime คือ เทคโนโลยีเครื่องยกกระชับผิวด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่มีความแม่นยำ ซึ่งสามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นผิวระดับลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น ผิวแน่นอิ่มฟู และเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องพักฟื้น

โดยโปรแกรมนี้เป็นเวอร์ชันที่พัฒนาต่อยอดจากโปรแกรม Ultherapy SPT ที่หลายคนอาจคุ้นเคยกันดี ด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อให้การรักษาและผลลัพธ์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ระยะเวลาการทำหัตถการลดลง เจ็บน้อย จุดเด่นสำคัญ คือ สามารถลงลึกถึงชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ทำให้ได้ผลลัพธ์ในการยกกระชับที่มีประสิทธิภาพแต่ไม่ต้องเจ็บตัวผ่าตัดและไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน

หลักการทำงานของโปรแกรม Ultherapy Prime

โปรแกรม Ultherapy Prime ทำงานโดยใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่มีความแม่นยำสูง ปล่อยพลังงานเป็นจุดเล็กๆ ลงสู่ใต้ชั้นผิวในระดับลึก โดยเฉพาะชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า พลังงานที่ส่งลงไปจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่อย่างต่อเนื่อง กระบวนการนี้ช่วยให้ผิวค่อย ๆ ยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน และไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ

โปรแกรม Ultherapy Prime เป็นเทคโนโลยีในการยกกระชับผิวหน้าระดับลึกที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะจุด หรือที่เรียกว่า Microfocused Ultrasound with Visualization (MFU-V) จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ คือ สามารถส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวในระดับลึกได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดใด ๆ อีกทั้งยังสามารถมองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ผ่านหน้าจอ ทำให้การรักษามีความแม่นยำสูง โดยพลังงานจะถูกส่งลงลึกได้ถึง 3 ระดับชั้นผิว ได้แก่

  • ชั้นผิวหนังกำพร้า (1.5 มม.) เพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และปรับผิวให้เรียบเนียน
  • ชั้นผิวหนังแท้ระดับลึก (3.0 มม.) ช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แน่นกระชับ เติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม และปรับกรอบหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • ชั้น SMAS (4.5 มม.) ซึ่งเป็นชั้นโครงสร้างลึกที่สุดที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า Ultherapy Prime สามารถส่งพลังงานถึงชั้นนี้เพื่อกระตุ้นการยกกระชับอย่างล้ำลึก โดยไม่ต้องลงมีดหรือพักฟื้น

ความโดดเด่นของโปรแกรม Ultherapy Prime

โปรแกรม Ultherapy Prime ถือเป็นเวอร์ชันใหม่ของเทคโนโลยียกกระชับผิว ซึ่งได้รับการพัฒนาและยกระดับจากเครื่อง Ultherapy SPT อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในด้านของฟังก์ชันการทำงานและความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลภาพที่คมชัดยิ่งขึ้น ความแม่นยำในการส่งพลังงาน รวมถึงระบบการทำงานที่มีเสถียรภาพมากขึ้น

เทคโนโลยีภาพคมชัดระดับ Full HD

  • มาพร้อมระบบ DeepSEE™ ที่ให้ภาพชั้นผิวคมชัดแบบ Full HD
  • สามารถมองเห็นชั้นผิวลึกถึงระดับ SMAS ได้แบบเรียลไทม์
  • เพิ่มความแม่นยำในการยิงพลังงาน ลดความเสี่ยงในการยิงพลาด

หน้าจอแสดงผลใหญ่ขึ้น ใช้งานสะดวก

  • ช่วยให้แพทย์ควบคุมการรักษาได้ง่ายและละเอียดมากยิ่งขึ้น
  • ภาพ Ultrasound กว้างขึ้น
  • วัสดุหน้าจอชนิด Premium Glass มองมุมไหนก็ชัด
  • ระบบ Visualization ช่วยระบุจุดยิงพลังงานได้อย่างแม่นยำ

ระบบประมวลผลเร็วขึ้นและเสถียรขึ้น

  • ลดปัญหาเครื่องสะดุดหรือค้างระหว่างทำหัตถการ
  • เพิ่มความราบรื่นในการรักษา และช่วยให้ผลลัพธ์สม่ำเสมอ

ระยะเวลาในการรักษาสั้นลง

  • ใช้เวลาทำต่อเคสได้น้อยกว่ารุ่นก่อนหน้า
  • ลดความรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บในระหว่างทำ
  • มอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับคนไข้

ดีไซน์เครื่องใหม่ ทันสมัย และใช้งานง่าย

  • ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก
  • ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของแพทย์ระหว่างใช้งาน
  • เสียงเครื่องที่เงียบขึ้น ทำให้คนไข้ลดความกังวลในขณะทำการรักษา

เปรียเทียบโปรแกรม Ultherapy Prime vs Ultherapy SPT

ในปัจจุบัน เทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโปรแกรม Ultherapy Prime รุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาจากรุ่น SPT ซึ่งมีการอัปเกรดให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในหลายด้าน

การเปรียบเทียบ

โปรแกรม Ultherapy SPT

โปรแกรม Ultherapy Prime

จอแสดงแสดงผล (Visualization)

ความคมชัดระดับมาตรฐาน

ภาพคมชัดระดับ Full HD ด้วยเทคโนโลยี DeepSEE™ มองเห็นชั้นผิวได้ชัดเจนขึ้น

ความแม่นยำในการยิงพลังงาน

ยิงพลังานได้แม่นยำ

ยิงพลังงานได้แม่นยำ ลดโอกาสพลาด

ระบบประมวลผล

อาจเกิดความล่าช้าหรือสะดุดบางครั้ง

ระบบทำงานลื่นไหล รวดเร็ว เสถียรกว่าเดิม

ระยะเวลาการรักษา

ใช้เวลามากกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่

ใช้เวลาน้อยลง เจ็บน้อยลง สะดวกขึ้นสำหรับคนไข้

ผลลัพธ์การรักษา

ยกกระชับทั่วใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ

คงประสิทธิภาพในการยกกระชับได้ดีเหมือนเดิม

ดีไซน์และการใช้งานของเครื่อง

ขนาดใหญ่ ดีไซน์พื้นฐาน อาจใช้งานได้ไม่สะดวกนัก

กะทัดรัด ดีไซน์สวยงาม รองรับสรีรศาสตร์ ช่วยลดความเมื่อยล้าของแพทย์

สรุป : ทั้งโปรแกรม Ultherapy SPT และโปรแกรม Ultherapy Prime เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการรักษา สามารถยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมีการใช้พลังงานและกลไกการทำงานที่เหมือนกัน เพียงแต่ในโปรแกรม Ultherapy Prime รุ่นใหม่มีความแตกต่างในด้านเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพขึ้น เพื่อช่วยส่งเสริมให้การรักษาเป็นไปได้อย่างราบรื่น แม่นยำ คนไข้เจ็บน้อยลงจากลดระยะเวลาในการทำหัตถการที่สั้นลง และช่วยให้การทำงานของแพทย์มีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น

โปรแกรม Ultherapy Prime เหมาะกับใครหรือปัญหาผิวแบบใด

สำหรับใครที่กำลังเริ่มรู้สึกถึงความหย่อนคล้อยของผิว หรือมีปัญหาริ้วรอยที่ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนล้า โปรแกรม Ultherapy Prime อาจเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นยาวนาน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาดังต่อไปนี้

  • ผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ บริเวณกรอบหน้า คาง มีเหนียงใต้คาง
  • หางตาและคิ้วเริ่มตก ทำให้ดวงตาดูไม่สดใส
  • ผิวลำคอและเนินอกมีริ้วรอยและหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูแก่ก่อนวัย
  • รูปคางไม่ชัด ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวกระชับขึ้น
  • ผิวขาดความยืดหยุ่น ผิวดูร่วงโรยแม้จะดูแลผิวอย่างดี
  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับโดยไม่ผ่าตัด และไม่ต้องการพักฟื้นนาน

โปรแกรม Ultherapy Prime ช่วยอะไร

เมื่อเวลาผ่านไป การเสื่อมสภาพของผิวเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยต่าง ๆ หากคุณกำลังมองหาวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัดเพื่อฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้กับผิว การทำโปรแกรม Ultherapy Prime เป็นอีกทางเลือกที่สามารถช่วยยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

  • ยกกระชับผิวหน้า ให้เต่งตึงและมีรูปทรงที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องใช้การผ่าตัด
  • ยกกระชับผิวคาง ปรับรูปคาง ใบหน้าดูเรียวและสมส่วนขึ้นอย่างธรรมชาติ
  • ยกคิ้ว ให้หน้าดูกระจ่างใส สดใสขึ้น ช่วยทำให้ใบหน้าดูสดชื่นและไม่โทรม
  • ปรับผิวลำคอ ให้เรียบเนียนขึ้น ลดรอยย่นและผิวหย่อนคล้อยบริเวณคอ
  • ลดริ้วรอยร่องลึกที่เนินอก ปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้น

เสริมสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกระชับ ฟู เต่งตึง และเนียนเรียบขึ้นจากภายใน

การเตรียมตัวก่อนใช้บริการโปรแกรม Ultherapy Prime

ก่อนเข้ารับบริการโปรแกรม Ultherapy Prime ก็จะเหมือนกันกับโปรแกรมยกกระชับเครื่องอื่น ๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น

  • ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข
  • หลีกเลี่ยงการทำโปรแกรมเลเซอร์หรือทรีทเมนต์ผลัดเซลล์ผิวเพื่อไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคือง
  • พักผ่อนให้เพียงพอก่อนทำจะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้ดีหลังทำ
  • หลีกเลี่ยงยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน หรือวิตามินบางชนิด
  • ถ้ามีโรคประจำตัว มีประวัติการแพ้ยาควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งก่อนใช้บริการ

รีวิวจากคนไข้ที่เคยรับบริการ

จากภาพรีวิวก่อนและหลังทำโปรแกรม Ultherapy Prime จะเห็นได้ว่าก่อนทำคนไข้มีปัญหาผิวที่หย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึก กรอบหน้าไม่ชัด หลังทำแล้วผิวกลับมาเต่งตึง ยกกระชับ เผยกรอบหน้าที่ชัดขึ้น ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์

BEFORE & AFTER

โปรแกรม Ultherapy Prime ทำบริเวณใดได้บ้าง

สำหรับโปรแกรม Ultherapy Prime เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาให้สามารถดูแลผิวได้ในหลากหลายจุด ทั้งบริเวณใบหน้าและลำคอ เพื่อยกกระชับผิวและลดความหย่อนคล้อยในแต่ละส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนิยมทำการรักษาในบริเวณ

  • คิ้ว แก้ไขปัญหาคิ้วตก ช่วยยกคิ้วให้ใบหน้าดูอ่อนวัยและสดใสขึ้น
  • คาง ปรับรูปคางให้เรียวขึ้น กระชับผิวยิ่งขึ้น
  • ลำคอ ลดความหย่อนยานของผิวบริเวณคอ ช่วยให้ดูเรียบเนียนและกระชับมากยิ่งขึ้น
  • เนินอก ฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ลดรอยย่นและร่องลึกบริเวณเนินอก

โปรแกรม Ultherapy Prime ต่างจากโปรแกรมยกกระชับอื่นอย่างไร

การยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งประสิทธิภาพในการรักษา จนอาจทำให้หลายคนยังอาจสงสัยว่าแตกต่างจากโปรแกรม Ultherapy Prime อย่างไรบ้าง เราจึงได้ทำตารางข้อเปรียบเทียบของแต่ละโปรแกรมเพื่อให้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้อย่างง่ายยิ่งขึ้น

ข้อเปรียบเทียบ

โปรแกรม Ultherapy SPT

โปรแกรม Ultherapy Prime

โปรแกรม Oligio

โปรแกรม HIFU

โปรแกรม Thermage FLX

โปรแกรม Ultraformer III

โปรแกรม Ultraformer III

เทคโนโลยีที่ใช้

อัลตราซาวด์เฉพาะจุด (Focused Ultrasound) พร้อมระบบ Real-Time Visualization

อัลตราซาวด์เฉพาะจุด (Focused Ultrasound) พร้อมระบบ Real-Time Visualization

คลื่นวิทยุ (Monopolar RF)

อัลตราซาวด์แบบโฟกัส (HIFU)

คลื่นวิทยุ (RF)

อัลตราซาวด์แบบโฟกัส (HIFU)

Microneedling RF

ระดับความลึก

ลึกถึงชั้น SMAS (4.5 มม.)

ลึกถึงชั้น SMAS (4.5 มม.)

ประมาณ 3.0 มม.

1.5 – 4.5 มม.

ประมาณ 3.0 มม.

1.5 – 4.5 มม.

1 – 4 มม.

จุดเด่นหลัก

เห็นภาพชั้นผิวขณะทำจริง ปรับพลังงานได้ตามจุดที่ต้องการ

เห็นภาพชั้นผิวขณะยิง เจาะจงสูง ความแม่นยำสูง

ผิวแน่นขึ้นทั่วหน้า กระตุ้นคอลลาเจน

ครอบคลุมหลายชั้นผิว เหมาะกับหลายปัญหา

ปรับรูปหน้า ผิวแน่นฟู ลดริ้วรอย

เหมาะกับการเริ่มต้นดูแลผิวพรรณ

ยกกระชับผิวพร้อมปรับสภาพผิว

เหมาะกับปัญหา

ใบหน้าหย่อนคล้อย เหนียง คอ กรอบหน้าไม่ชัด

ยกกระชับใบหน้า คอ เหนียง เนินอก

ผิวหย่อนเล็กน้อย รูขุมขนกว้าง

ผิวหย่อน ริ้วรอย ยกคิ้ว กรอบหน้า

ผิวไม่เรียบ ผิวคล้อย ไม่กระชับ

เริ่มมีสัญญาณผิวหย่อนคล้อย

ผิวไม่เรียบ รอยสิว รูขุมขนกว้าง

ความรู้สึกขณะทำ

รู้สึกอุ่นใต้ผิว เจ็บน้อย

รู้สึกอุ่น เจ็บน้อยลง

รู้สึกอุ่น เจ็บน้อย

เจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง

รู้สึกอุ่นตึงได้เล็กน้อย

รู้สึกจี๊ด ๆ ที่ผิวได้บ้าง

เจ็บระดับกลาง มีรอยแดงบางส่วน

ผลลัพธ์อยู่ได้นาน

1 ปี* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

1 – 1.5 ปี* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

6-12 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

6-12 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

12 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

6-12 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

6-12 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

เหมาะกับใคร

ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าที่ให้ผลแม่นยำ

ผู้ที่ต้องการยกกระชับแบบแม่นยำขึ้น เห็นผลชัดเจน

ผู้ที่มีปัญหาผิวเริ่มหย่อน ไม่มาก

ผู้ที่เริ่มมีสัญญาณความหย่อนคล้อย

ผู้ที่ต้องการปรับผิวโดยรวม ไม่เน้นยกมาก

ผู้ที่เริ่มต้นดูแลผิว

ผู้ที่มีปัญหาผิวและต้องการปรับสภาพผิว

โปรแกรม Ultherapy Prime ต้องยิงกี่ Line

“ไลน์” (Line) หมายถึงจำนวนครั้งที่เครื่องปล่อยพลังงานอัลตราซาวด์ลงสู่ผิวหนังในแต่ละบริเวณ ซึ่ง 1 ไลน์นั้นไม่ใช่แค่จุดเดียว แต่เป็นชุดของพลังงานที่เรียงต่อกันในแนวเส้น ทำให้สามารถกระตุ้นผิวในระดับลึกได้อย่างสม่ำเสมอในพื้นที่กว้างมากขึ้น ส่งผลให้ผิวได้รับการยกกระชับและฟื้นฟูโครงสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจำนวนไลน์ที่ใช้ในแต่ละครั้งจะแตกต่างกันตามปัญหาของผิว จุดที่ต้องการรักษา และระดับความลึกของชั้นผิวที่ต้องการลงพลังงาน ซึ่งแพทย์จะออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีและเหมาะสมกับคนไข้

ทั้งนี้ หากคนไข้มีภาวะผิวหย่อนคล้อยมาก อาจจำเป็นต้องใช้จำนวนไลน์ในระดับ 500 – 600 ไลน์ ขึ้นไป เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน ขณะที่ผู้ที่มีปัญหาผิวน้อยหรือระดับที่ไม่มากอาจใช้เพียง 300 – 500 ไลน์

โปรแกรม Ultherapy Prime ราคาเท่าไหร่

ราคาสำหรับการทำโปรแกรม Ultherapy Prime ราคาอยู่ที่ 29,900 บาท* อย่างไรก็ตาม ราคาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละเคส โดยขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการฟื้นฟูผิว, ลักษณะและปัญหาผิวของแต่ละบุคคล, จำนวน Line ที่ต้องใช้ในการรักษา รวมถึงโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจพิเศษที่มีในช่วงเวลานั้น ๆ

โดยทั่วไป แพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและออกแบบแผนการรักษาเฉพาะสำหรับแต่ละคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม ดังนั้นจึงแนะนำให้คนไข้เข้ารับการปรึกษา, ตรวจวิเคราะห์สภาพผิว และพูดคุยกับแพทย์ก่อนตัดสินใจ เพื่อทราบรายละเอียดที่ชัดเจนทั้งในด้านแนวทางการรักษาและค่าใช้จ่ายทั้งหมด

ทำโปรแกรม Ultherapy Prime กี่ครั้ง หลังทำกี่วันเห็นผล

หลังทำโปรแกรม Ultherapy Prime สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ คนไข้จะเริ่มรู้สึกได้ถึงความยกกระชับแน่นของผิว จากนั้นผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนจะเริ่มในช่วงประมาณ 2–3 เดือนหลังทำ ผิวดูเนียนละเอียดขึ้น ริ้วรอยลดลง ผิวดูเต่งตึงและอิ่มฟูมากขึ้น

ในส่วนของจำนวนครั้งที่ควรเข้ารับการรักษาด้วยโปรแกรม Ultherapy Prime มีจุดเด่นตรงที่สามารถทำ เพียงครั้งเดียว แล้วให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง แต่หากต้องการคงความกระชับไว้ในระยะยาว หรือเพื่อเสริมผลให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แพทย์อาจแนะนำให้กลับมาทำซ้ำ ปีละ 1 ครั้ง หรือกำหนดแผนการดูแลเฉพาะบุคคลตามสภาพผิวและความต้องการของแต่ละคน

การเตรียมตัว ขั้นตอนการรักษา และการดูแลตัวเอง

ถึงแม้ว่าโปรแกรม Ultherapy Prime จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้นและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่การเตรียมตัวให้พร้อม รวมถึงเข้าใจขั้นตอนระหว่างทำ และวิธีดูแลตัวเองหลังทำ ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพ และลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ตามมา

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ

  • งดการรับประทานอาหารเสริมหรือยาที่อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา (โอเมก้า 3), ใบแปะก๊วย, โสม รวมถึงยาในกลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน หรือไอบูโพรเฟน ควรงดทานอย่างน้อย 3 – 5 วัน ก่อนเข้ารับบริการ หากไม่มีความจำเป็นที่ต้องรับประทานยาเหล่านี้
  • พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายสดชื่นและลดความเสี่ยงต่ออาการอ่อนเพลียหรือผิวไวต่อการกระตุ้น
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำการรักษา เพื่อช่วยลดโอกาสเกิดอาการบวมแดงหรือช้ำหลังทำ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, เรตินอล หรือกรดวิตามิน A ก่อนทำ 1 – 2 วัน เพื่อป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นกับผิวระหว่างและหลังหัตถการ

ขั้นตอนการรักษา

  • เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดผิวหน้า และบริเวณที่ต้องรับการรักษา เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับขั้นตอนถัดไป
  • ทายาชาบริเวณที่ต้องทำหัตถการ เพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายหรือระคายเคืองระหว่างที่เครื่องทำงาน
  • เมื่อยาชาเริ่มออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มส่งพลังงานอัลตราซาวด์ลงไปยังชั้นผิวในระดับความลึกที่ได้กำหนดไว้ตามแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ซึ่งออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของคนไข้แต่ละคน
  • เมื่อทำเสร็จแล้ว คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที โดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้น และควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลหลังทำเพื่อให้ผลลัพธ์ดี

การดูแลตัวเอง

  • ควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้า หรือจับบริเวณผิวแรง ๆ เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือรบกวนผลลัพธ์ที่กำลังเริ่มทำงานในชั้นผิว
  • ภายในช่วง 1 – 2 ชั่วโมงแรกหลังทำ อาจรู้สึกตึงผิว อุ่น ๆ หรือมีรอยแดงเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นอาการปกติและจะค่อย ๆ หายไปได้เองโดยไม่ต้องกังวล
  • ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารเร่งการผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, หรือเรตินอลในช่วงวันแรก ๆ หลังทำ และควรเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นแทน เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน
  • ดื่มน้ำในปริมาณมาก และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อส่งเสริมกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวตามธรรมชาติ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนทุกรูปแบบ เช่น การอบไอน้ำ, เข้าซาวน่า, ออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องเผชิญแสงแดดจัดในช่วง 2 – 3 วันแรก
  • งดการทำทรีตเมนต์หรือโปรแกรมเลเซอร์ประเภทที่ใช้ความร้อนลงสู่ผิว อย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้กระทบกับกระบวนการฟื้นฟูหลังทำโปรแกรม Ultherapy Prime
  • ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไปเป็นประจำ แม้จะไม่ได้ออกแดดโดยตรง เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือปัญหาผิวในระยะยาว

คำถามที่พบบ่อย

โปรแกรม Ultherapy Prime ไม่เหมาะกับใคร

โปรแกรมนี้อาจไม่เหมาะกับผู้ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร, ผู้ที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker), รวมถึงผู้ที่มีแผลเปิด หรือมีปัญหาผิวหนังในบริเวณที่ต้องเข้ารับการรักษาด้วยโปรแกรม Ultherapy Prime ทั้งนี้หากไม่แน่ใจ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อน

ขณะทำเจ็บไหม

ระหว่างเข้ารับการรักษา คนไข้อาจรู้สึกอุ่น ๆ บริเวณผิวเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดจากพลังงานที่ส่งลงสู่ชั้นผิว ทั้งนี้จะมีการทายาชาก่อนเริ่มการทำโปรแกรม Ultherapy Prime เพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบาย และเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายขณะทำ โปรแกรมนี้เป็นเวอร์ชันใหม่ที่ได้รับการพัฒนามาจากรุ่นก่อนหน้า จึงใช้เวลาทำหัตถการน้อยลงจึงช่วยลดระดับความรู้สึกเจ็บระหว่างทำได้ดี

หลังทำมีผลข้างเคียงไหม

หลังทำโปรแกรม Ultherapy Prime ในระยะ 1 – 2 วัน อาจมีอาการผิวบวมเล็กน้อย แดง รู้สึกอุ่น หรือมีความตึงที่ผิวบริเวณที่รักษา ซึ่งถือเป็นอาการทั่วไปที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังการทำหัตถการ และอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองภายในไม่กี่วันโดยไม่ต้องกังวล

สามารถทำร่วมกับโปรแกรมอื่น ๆ ได้ไหม

การทำโปรแกรม Ultherapy Prime สามารถทำการรักษาร่วมกับโปรแกรมอื่น ๆ ได้ เช่น โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หรือโปรแกรมโบท็อกซ์ เพียงแต่จำเป็นต้องมีการวางแผนลำดับขั้นตอนและเว้นระยะห่างระหว่างหัตถการให้เหมาะสม โดยทั่วไป แนะนำให้ทำโปรแกรม Ultherapy Prime ก่อน และเว้นระยะเวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หรือโปรแกรมโบท็อกซ์ เพื่อให้ผิวมีเวลาปรับตัวและลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและจัดลำดับการรักษาให้เหมาะกับแต่ละเคส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

สรุป

โปรแกรม Ultherapy Prime เป็นอีกหนึ่างทางเลือกในการยกกระชับผิวได้แบบไม่ต้องผ่าตัด ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อการให้การยกกระชับทำได้ดีขึ้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน เพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา รวมถึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตประจำวันต่อได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้น ผิวจะค่อย ๆ ดูแน่นกระชับ เรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับท่านที่สนใจสามารถเข้ารับคำปรึกษาพร้อมรับการตรวจวิเคราะห์สภาพผิวกับทีมแพทย์ของ Doctor Mek Clinic ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย