โบท็อกรักแร้

ฉีดโบท็อกรักแร้

ปัญหาเรื่องเหงื่อออกเยอะใต้วงแขน ทำให้ใครหลายคนหมดความมั่นใจ เพราะไม่ใช่เพียงแค่ความเปียกชื้นจากเหงื่อเท่านั้น ยังมีปัญหาเรื่องกลิ่นกายตามมาอีกด้วย โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ต้องทำกิจกรรมหรือทำงานพบปะผู้คนบ่อย ๆ ซึ่งการแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น ๆ อย่างการทาโรลออลระงับเหงื่ออาจให้ผลเพียงไม่นาน แต่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วค่ะ เพราะการฉีดโบท็อกรักแร้ (Botox underarms) จะมาเป็นตัวช่วยเรียกความมั่นใจให้กับคุณได้อีกครั้ง สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีลดเหงื่อแบบได้ผลจริงอยู่ วันนี้เรามีข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกรักแร้มาแนะนำกันค่ะ

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

โบท็อกรักแร้ คืออะไร

โบท็อกรักแร้ คือ วิธีการลดเหงื่อใต้วงแขน โดยการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botilinum toxin) ที่บริเวณรักแร้ซึ่งเป็นการฉีดแบบกระจายจุดทั่วบริเวณรักแร้ 30-50 จุด ด้วยคุณสมบัติของตัวยาจะเข้าไปขัดขวางการทำงานของต่อมเหงื่อ ส่งผลให้เหงื่อออกน้อยลงกว่า 80% หรือแทบจะไม่ออกเลย ซึ่งผลดีที่ตามมาด้วยคือ เมื่อเหงื่อลดลงก็จะส่งผลปัญหากลิ่นกายที่ไม่พึงประสงค์ลดลงตามไปด้วยค่ะ

ที่มาของเหงื่อออกเยอะและกลิ่นกาย

โดยทั่วไปแล้ว ภาวะเหงื่อออก เป็นกลไกลระบายความร้อนของร่างกายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติค่ะ โดยต่อมเหงื่อจะผลิตเหงื่อและขับออกมาจากผิวหนัง ซึ่งจะพบได้ทั่วบริเวณของร่างกายเรา รวมไปถึงบริเวณรักแร้ ซึ่งบางคนอาจมีเหงื่อออกน้อย แต่สำหรับบางคนที่มีภาวะเหงื่อออกใต้รักแร้เยอะมากผิดปกติ และเมื่อแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนังทำปฏิกิริยากับเหงื่อ ก็จะทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ มีกลิ่นตัวแรง ส่งผลให้หมดความมั่นใจและรบกวนใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องพบปะผู้คนอยู่บ่อย ๆ นั่นเองค่ะ

ข้อเสียของเหงื่อและกลิ่นกาย

  • รักแร้เปียกชื้นเลอะเสื้อผ้า ทำให้ขาดความมั่นใจ
  • มีกลิ่นตัวไม่พึงประสงค์
  • การสะสมของเหงื่อไคลทำให้รักแร้ดำ
  • การสะสมของเหงื่อไคลและความอับชื้นอาจทำให้เกิดปัญหาโรคผิวหนังตามมา
ข้อเสียของเหงื่อและกลิ่นกาย

โบท็อกรักแร้ ช่วยอะไร

อย่างที่บอกไว้ในข้อมูลข้างต้นนะคะว่า การฉีดโบท็อกรักแร้ เป็นวิธีที่ช่วยลดการเกิดเหงื่อและกลิ่นกายได้มากกว่า 80% หรือในบางรายอาจไม่มีเหงื่อออกเลย เนื่องจากสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อบริเวณใต้วงแขน ทำให้การเกิดเหงื่อที่รักแร้ลดลงและยังส่งผลดีในเรื่องการลดกลิ่นไม่พึงประสงค์จากเหงื่อได้อีกด้วยค่ะ โดยการฉีดโบท็อกรักแร้เป็นอีกหนึ่งบริการที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะทำแล้วเห็นผลจริง เห็นผลเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น และยังเหมาะกับคนที่มีปัญหาแพ้โรลออน หรือไม่อยากใช้วิธีอื่น ๆ ในการลดเหงื่อ เช่น การผ่าตัดต่อมเหงื่อ เป็นต้น

โบท็อกรักแร้ เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกเยอะบริเวณรักแร้และมีกลิ่นตัว ทำให้ขาดความมั่นใจ
  • ผู้ที่ต้องทำงานหรือออกงานพบปะผู้คนอยู่บ่อย ๆ
  • ผู้ที่มีปัญหาแพ้เหงื่อตัวเอง แพ้โรลออน หรือผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย
  • ผู้ที่ไม่อยากเข้ารับการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การผ่าตัดต่อมเหงื่อ เป็นต้น
  • ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ระงับเหงื่อได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องเข้าพบแพทย์บ่อย
โบท็อกรักแร้ เหมาะกับใคร

ข้อดีและข้อเสีย / ข้อควรระวังของการฉีดโบท็อกรักแร้

นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกรักแร้แล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากที่เราควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกรักแร้ คือ ข้อดีและข้อเสียหรือข้อควรระวัง ทั้งนี้เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ และเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ค่ะ

ข้อดีของการฉีดโบท็อกรักแร้

  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น
  • ทำเสร็จไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว ในช่วง 3-7 วัน เริ่มสังเกตได้ว่าเหงื่อออกลดลง และเห็นผลชัดเจนใน 2-4 สัปดาห์
  • เหงื่อออกลดลงหรือแทบไม่ออกเลย ทำให้รู้สึกสบายตัว หมดกังวลเรื่องกลิ่นตัว
  • ใต้วงแขนแห้งสบาย ลดปัญหาสีผิวใต้วงแขนคล้ำ
  • สวมเสื้อผ้าได้หลากหลายสไตล์ ไร้กังวล
  • ทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
  • เข้าสังคมหรือพบปะผู้คนได้อย่างสบายใจ ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อกรักแร้

  • การฉีดโบท็อกรักแร้ให้ผลลัพธ์ได้นาน 6-8 เดือน (ไม่ถาวร) แต่หากตัวยาสลายตัวตามธรรมชาติแล้ว คนไข้สามารถเข้ารับบริการฉีดโบท็อกรักแร้ซ้ำได้ เพื่อคงผลลัพธ์การรักษาให้ต่อเนื่อง
  • การฉีดโบท็อกรักแร้เหมือนกับการฉีดโบท็อกบริเวณอื่น ๆ คือ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญจากแพทย์ ที่สามารถกำหนดปริมาณตัวยาได้อย่างเหมาะสมกับคนไข้แต่ละเคส รวมถึงมีเทคนิคในการฉีดโบท็อกในชั้นผิวและตำแหน่งที่ถูกต้อง มีความแม่นยำ จึงจะทำให้ผลลัพธ์ของการรักษาออกมาดีและมีความปลอดภัย ดังนั้น ก่อนฉีดโบท็อกรักแร้จึงควรเลือกเข้ารับบริการกับแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์สูง
  • หากเลือกฉีดโบท็อกในคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน เลือกใช้โบท็อกปลอม ไม่มีคุณภาพ ไม่ได้รับการรับรองจากอย. ไทยและในประเทศที่ผลิต อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้

ภาพก่อนและหลังฉีดโบท็อกรักแร้

ที่ Doctor Mek Clinic ดูแลทุกเคสโดยแพทย์ผู้ชำนาญการและมีทักษะในการฉีดโบท็อก ผสานด้วยเทคนิคฉีดโบท็อก และใช้โบท็อกของแท้ได้มาตรฐานอย. ไทยและต่างประเทศ ทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกออกมาดี หลังทำเห็นผลจริงว่าเหงื่อออกลดลง ไร้กังวลเรื่องกลิ่นกาย ผิวใต้วงแขนเรียบเนียนขึ้น

โบท็อกรักแร้ รีวิวจากคนไข้จริง

Doctor Mek Clinic ได้รับความไว้วางใจจากคนไข้เป็นจำนวนมากที่เข้ารับการบริการฉีดโบท็อกรักแร้ จนทำให้คนไข้ต่างก็ประทับใจในผลลัพธ์ เพราะหลังทำแล้วรู้สึกว่าเหงื่อลดลง รูขุมขนกระชับ กล้าที่จะโชว์วงแขน และใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

ฉีดโบท็อกรักแร้ ยี่ห้อไหนดี

การฉีดโบท็อกรักแร้ สามารถเลือกใช้ได้หลากหลายยี่ห้อที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากอย. ในไทยและต่างประเทศค่ะ โดยแต่ละยี่ห้อต่างก็มีคุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้โบท็อก Dysport (โบท็อกจากอังกฤษ) เป็นยี่ห้อที่จะนิยมนำมาใช้ในการฉีดเพื่อลดเหงื่อค่ะ เนื่องจากตัวยามีคุณสมบัติกระจายตัวได้เป็นวงกว้าง ไม่กระจุกตัว ซึ่งสามารถครอบคลุมต่อมเหงื่อได้ดีกว่าค่ะ โดยคนไข้สามารถขอคำปรึกษาเกี่ยวกับยี่ห้อโบท็อกรักแร้ที่เลือกใช้ได้เลยค่ะ

โบท็อกรักแร้ ราคาเท่าไหร่

สำหรับการฉีดโบท็อกรักแร้ที่ Doctor Mek Clinic ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4,999 บาท ทั้งนี้การฉีดโบท็อกรักแร้ ราคาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละเคส ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่เลือกใช้ รวมไปถึงปริมาณตัวยาที่ใช้ค่ะ ซึ่งคนไข้สามารถพูดคุยกับแพทย์ได้เพื่อการตัดสินใจที่ตรงกับความต้องการของคนไข้มากที่สุดค่ะ

โบท็อกรักแร้ ที่ไหนดี

  • เลือกฉีดโบท็อกรักแร้กับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและมีประสบการณ์สูงในการฉีดโบท็อก ซึ่งจะมีทักษะในการวิเคราะห์และคำนวณปริมาณโบท็อกที่ใช้ได้อย่างเหมาะสมกับคนไข้แต่ละเคส รวมไปถึงมีเทคนิคพิเศษเพื่อช่วยให้การฉีดโบท็อกเกิดความแม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์การรักษาออกมาเป็นที่น่าพอใจและมีความปลอดภัย
  • เลือกฉีดโบท็อกรักแร้กับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาต และเลือกใช้แต่โบท็อกแท้ที่ได้รับรองมาตรฐานจากอย. ไทยและต่างประเทศ (สามารถให้คนไข้สามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ได้)
  • เลือกฉีดโบท็อกรักแร้กับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีรีวิวจากคนไข้จริง และมีรีวิวให้เลือกดูเยอะ

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกรักแร้

  • เข้ารับการปรึกษากับแพทย์เพื่อทำการประเมินปัญหาและรับคำแนะนำอย่างละเอียด
  • หากมีโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
  • หากคนไข้มีปัญหาเรื่องผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีบาดแผลบริเวณใต้วงแขน แนะนำให้แจ้งและปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากต้องรักษาให้หายก่อนเข้ารับบริการ
  • ก่อนฉีดโบท็อกรักแร้ 1-2 สัปดาห์ แนะนำให้งดรับประทานยา วิตามิน หรืออาหารเสริม ที่มีผลทำให้เลือดไหลไม่หยุดและทำให้เกิดอาการฟกช้ำได้ง่าย เช่น แอสไพริน, ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDs, วิตามิน C และ E, น้ำมันตับปลา, โสม เป็นต้น
  • ก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกรักแร้ประมาณ 2-3 วัน งดการใช้โกน แว็กซ์ หรือเลเซอร์ขนรักแร้ รวมถึงงดการทาผลิตภัณฑ์หรือยาที่มีสารผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดวิตามิน A, AHA รวมถึงงดการขัดผิว สครับผิว
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 24 ชั่วโมงก่อนฉีดโบท็อกรักแร้

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกรักแร้

  • เจ้าหน้าที่เช็ดทำความสะอาดผิวหนังก่อนทำการฉีดโบท็อกรักแร้
  • จากนั้นทำการแปะยาชา และรอให้ยาชาออกฤทธิ์
  • เมื่อยาชาออกฤทธิ์จะมีการประคบเย็นร่วมด้วย และจากนั้นแพทย์จะเริ่มทำการฉีดโบท็อกที่บริเวณรักแร้ (ผิวหนังชั้นตื้น) โดยกระจายการฉีดทั่วบริเวณรักแร้ทั้ง 2 ข้าง ด้วยเข็มขนาดเล็ก
  • เมื่อทำการฉีดโบท็อกรักแร้เสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะพูดคุยและแนะนำการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีกับคนไข้

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกรักแร้

  • งดการจับ สัมผัส แกะ-เกา หรือการนวดบริเวณที่ฉีดโบท็อกรักแร้
  • งดการใช้โรลออนหรือผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ 1 วันหลังฉีดโบท็อกรักแร้
  • งดการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกง่าย หรืองดทำกิจกรรมในที่ร้อน ๆ เช่น ซาวน่า แช่น้ำอุ่น/น้ำร้อน เป็นเวลา 2 สัปดาห์หลังฉีดโบท็อกรักแร้
  • งดการสครับผิว ขัดผิว รวมถึงการทำเลเซอร์รักแร้ เป็นเวลา 2 สัปดาห์หลังฉีดโบท็อกรักแร้
  • แนะนำให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ วันละ 2 ลิตร เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์คงอยู่ได้นาน ตัวยาไม่สลายตัวง่าย
  • หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารไม่สุก รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เป็นเวลา 2 สัปดาห์หลังฉีดโบท็อกรักแร้
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสชาติจัด รสเผ็ด หรือเครื่องเทศ ที่อาจทำให้เหงื่อออกง่าย
  • แนะนำให้สวมใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย เนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี รวมถึงดูแลเรื่องความสะอาดของร่างกายและเสื้อผ้า ไม่ให้เกิดความอับชื้น
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกรักแร้

ฉีดโบท็อกรักแร้ที่ Doctor Mek Clinic ดีอย่างไร

  • ดูแลทุกเคสโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการฉีดโบท็อก
  • วิเคราะห์ปัญหาด้วยเทคนิควิเคราะห์กายวิภาคศาสตร์แบบเฉพาะบุคคล (Case by Case) เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย
  • แพทย์ทุกท่านมีทักษะ ความชำนาญ และประสบการณ์สูง มีการคำนวณปริมาณตัวยาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละเคส พร้อมเทคนิคการฉีดโบท็อกเฉพาะตัวที่โดดเด่น ใส่ใจทุกรายละเอียด
  • “หมอของดารา” โดยได้รับความไว้วางใจจากดาราชื่อดังของประเทศเป็นจำนวนมากในการเข้ารับบริการที่คลินิก
  • ได้รับรางวัลระดับประเทศด้านโบท็อกหลายรางวัล
  • ใช้โบท็อกที่ได้รับรองมาตรฐานจากอย. ไทยและองค์การอาหารและยาในระดับสากล โดยผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นสามารถตรวจสอบ Serial Number ได้
  • มีรีวิวจากคนไข้ที่เข้ารับบริการ
  • เห็นผลจริงทุกเคส ทำแล้วได้ผล เหงื่อลดลง ผิวใต้วงแขนเรียบเนียนขึ้น
  • มีการติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด พร้อมการบริการที่เป็นกันเอง
  • ปรึกษาแพทย์ฟรีทุกเคส! ไม่มีค่าใช้จ่าย

การฉีดโบท็อกรักแร้ เพื่อลดเหงื่อและกลิ่นตัว นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ให้ผลลัพธ์คุ้มค่า เห็นผลจริง เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว ใช้เวลาทำเพียงไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น ทำให้คุณกลับมามีความมั่นใจ แต่งตัวได้สนุกขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับเหงื่อเปียกเลอะเสื้อผ้า ไร้กังวลเรื่องกลิ่นกาย และช่วยให้คุณสนุกไปกับกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการพบปะผู้คนได้อย่างมีความสุขยิ่งขึ้นค่ะ สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมหรือปรึกษาแพทย์ สามารถทักแชทเพื่อพูดคุยกันได้ที่ LINE : @doctormekclinic ปรึกษาฟรีทุกเคสค่ะ

สรุป

โบท็อกรักแร้ อยู่ได้นานไหม

หลังฉีดโบท็อกรักแร้ จะเริ่มสังเกตได้ว่าเหงื่อค่อย ๆ ลดลงใน 1 สัปดาห์ และหลังจากนั้นประมาณ 2-4 สัปดาห์จะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน โดยผลการรักษาจะอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่เลือกใช้รวมถึงการดูแลตัวเอง) ซึ่งหากตัวยาโบท็อกหมดฤทธิ์และสลายตัวไปตามธรรมชาติ คนไข้สามารถเข้ารับบริการฉีดโบท็อกรักแร้ซ้ำได้ โดยเว้นระยะห่างการฉีดให้เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ

ฉีดโบท็อกรักแร้ กี่ยูนิต

ในการฉีดโบท็อกรักแร้เพื่อลดเหงื่อและกลิ่นกาย จะใช้ปริมาณโบท็อกประมาณข้างละ 50-100 ยูนิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์  โดยจะทำการฉีดแบบกระจายทั่วรักแร้ข้างละ 30-50 จุด และเพื่อผลลัพธ์ที่ดี แนะนำให้คนไข้เข้ารับการตรวจวิเคราะห์ปัญหากับแพทย์ เพื่อการกำหนดปริมาณโบท็อกที่ใช้อย่างเหมาะสมค่ะ

คำถามพบบ่อย

โบท็อกซ์ตำแหน่งอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ขอบคุณข้อมูลจาก นายแพทย์วัชพล ธนมิตรามณี (คุณหมอเมฆ) แพทย์ผู้สอนฟิลเลอร์และร้อยไหม