โปรแกรม AestheFill

โปรแกรม AestheFill ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator ซึ่งเป็นนวัตกรรมงานผิวที่ในนาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก และตัวนี้ก็กำลังจะก้าวมาเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความสนใจในวงการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดกับอีกหนึ่งเทรนด์ปั้นผิวให้ดูอ่อนวัย เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโปรแกรม AestheFill กันทุกซอกทุกมุมว่าคืออะไร เหมาะกับใคร ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ราคาเท่าไหร่ และมีความแตกต่างกับกลุ่มงานผิวตัวอื่น ๆ อย่างไร ถ้าพร้อมแล้วเราไปติดตามกันได้เลยค่ะ

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

โปรแกรม AestheFill คืออะไร

โปรแกรม AestheFill คือ สารเติมเต็มผิวหนังที่ประกอบด้วยสาร PDLLA (Poly-D-L-Lactic Acid) เป็นสารที่ถูกพัฒนามาจากสาร PLLA (Poly L-lactic Acid) ให้กลายมาเป็นสาร PDLLA ซึ่งถูกผลิตด้วยเทคโนโลยี BPM (Biodegradable polymer microparticles) ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร ทำให้ได้โครงสร้างใหม่ที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น จนกลายมาเป็นนวัตกรรม The New Generation of Biostimulator ซึ่งมีคุณสมบัติฟื้นฟูคอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) ช่วยฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวชั้นลึก เมื่อชั้นคอลลาเจนในผิวหนาขึ้นก็จะส่งผลให้ผิวอิ่มฟู เพิ่มวอลลุ่มให้ผิว ยกกระชับเต่งตึง เติมเต็มริ้วรอยร่องลึก และยังช่วยเพิ่ม Skin Quality ให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ โดยให้ผลลัพธ์อยู่ได้ 24 เดือน* (ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) และยังเป็นสารที่สามารถย่อยสลายได้เอง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายค่ะ

โปรแกรม AestheFill คืออะไร

โครงสร้างและกลไกการออกฤทธิ์ของสาร PDLLA

กระบวนการทำงานของ โปรแกรม AestheFill

สารเติมเต็ม PDLLA ในโปรแกรม AestheFill จะมีโครงสร้างภายในที่มีลักษณะทรงกลมเป็น Sponge Form คือ มีรูพรุนคล้ายกับฟองน้ำ มีความหนาแน่นสูง และมีรูปทรงอนุภาคที่สม่ำเสมอ จึงสามารถดึง Fibroblast (เซลล์สร้างโปรตีนคอลลาเจนและอิลาสติน) ให้เข้ามายึดเกาะกับตัวสาร PDLLA ได้ดี ส่งผลให้เกิดกระบวนการ Neocollagenesis หรือกระบวนการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ รวมไปถึงเนื้อเยื่อต่าง ๆ ใต้ชั้นผิว

โดยเมื่อฉีดสาร PDLLA ไปแล้ว จะช่วยเติมเต็มปริมาตรได้เลย ทำให้ผิวที่มีริ้วรอย ร่องลึก และบริเวณที่ซูบตอบกลับมาอิ่มฟู มีวอลลุ่ม แต่หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ อาจสังเกตได้ว่าผิวสูญเสียวอลลุ่มได้เล็กน้อย ก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เพราะมันเกิดจากสารน้ำที่ถูกผสมเข้าไปถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งต่อจากนี้ใน 2-3 สัปดาห์ขึ้นไป จะเกิดกระบวนการผลิตเส้นใยคอลลาเจนให้มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อชั้นคอลลาเจนในผิวหนาขึ้นก็จะส่งผลให้คุณภาพผิวดีตามไปด้วย ทำให้ผิวอิ่มฟู กระชับเต่งตึง ริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ตื้นขึ้น ส่งผลให้ผิวแลดูอ่อนวัย

ด้วยคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพนี้เอง ทำให้สาร PDLLA มีความโดดเด่นกว่าสาร PLLA ตรงที่สามารถเติมเต็มผิวได้ในหลาย ๆ บริเวณ หลังฉีดจึงให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยยังช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวได้อีก

โปรแกรม AestheFill ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

โปรแกรม AestheFill ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

โปรแกรม AestheFill สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งของใบหน้าเลยค่ะ โดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องการแก้ไขริ้วรอย ร่องลึก หรือต้องการเติมเต็มความอิ่มฟู ให้ผิวเรียบเนียน ซึ่งบริเวณที่นิยมนำมาฉีด ก็จะมีบริเวณหน้าผาก ขมับ ใต้ตา หน้าแก้ม ร่องแก้ม และกรอบหน้า

  • หน้าผาก เพิ่มวอลลุ่มบริเวณหน้าผากอิ่มเอิบ เต่งตึง ลดเลือนริ้วรอย
  • ขมับ เติมเต็มขมับที่ตอบให้มีวอลลุ่ม ปรับรูปหน้าให้มีมิติ
  • ใต้ตา แก้ปัญหาร่องใต้ตาลึก เติมเต็มให้ผิวเรียบเนียน
  • หน้าแก้ม เติมผิวบริเวณแก้มให้อิ่มฟู ยกกระชับ เพิ่มมิติให้ใบหน้า
  • ร่องแก้ม เติมเต็มร่องแก้มให้ตื้นขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนวัย
  • กรอบหน้า ยกผิวที่หย่อนคล้อย ช่วยเก็บกรอบหน้าให้ชัดขึ้น
  • ลำคอ เติมเต็มและลดเลือนเส้นริ้วรอยที่บริเวณลำคอ

โปรแกรม AestheFill เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวเริ่มสูญเสียคอลลาเจน ทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก ขาดความยืดหยุ่น
  • ผู้ที่ต้องการเติมเต็มผิวในบริเวณต่าง ๆ ให้อิ่มฟู เพิ่มวอลลุ่มในบริเวณที่ซูบตอบ
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย และต้องการยกกระชับผิว
  • ผู้ที่ต้องการตัวช่วยในการเพิ่ม Skin Quality ให้ดีขึ้น ฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง ดูอ่อนเยาว์
  • ผู้ที่ต้องการเติมเต็มผิวพร้อมฟื้นฟูคอลลาเจนให้ผิว ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

โปรแกรม AestheFill ช่วยเรื่องอะไร

  • เติมวอลลุ่มให้ผิวอิ่มฟูขึ้นหลังฉีด แก้ปัญหาผิวซูบตอบ ไม่มีมิติ
  • ฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวชั้นลึก ทำให้ผิวแข็งแรง ผิวดีขึ้นจากภายใน
  • ช่วยให้ผิวยกกระชับ ยืดหยุ่น อิ่มฟู ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
  • ปรับปรุง Skin Quality ทั่วใบหน้า ส่งผลให้คุณภาพผิวดีขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยให้ผิวดูอ่อนวัย

จุดเด่นของโปรแกรม AestheFill

  • รูปทรงอนุภาคของสารที่สม่ำเสมอ ช่วยให้ยึดเกาะกับเซลล์ต่าง ๆ ได้ดี ลดโอกาสเสี่ยงจะเกิด Nodule หรือเป็นก้อน
  • เป็นสารเติมเต็ม PDLLA ที่มีไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และเป็นสารที่ถูกใช้แพร่หลายในวงการแพทย์
  • ให้ผลลัพธ์อยู่ได้ถึง 24 เดือน* และเมื่อเวลาผ่านไปคอลลาเจนจะถูกสร้างขึ้นใหม่ สารเติมเต็มจะสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่เหลือตกค้างในร่างกาย ได้ผลลัพธ์ผิวอ่อนเยาว์ในระยะยาว
  • เป็นผลิตภัณฑ์ที่ฉีดง่าย ช่วยให้แพทย์ทำงานได้ง่ายขึ้น

โปรแกรม AestheFill vs โปรแกรม Sculptra ต่างกันอย่างไร

สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ตัวนี้ ต่างก็เป็น Collagen Biostimulator หรือสารเติมเต็มที่มีคุณสมบัติในกาฟรื้นฟูคอลลาเจน แต่ทั้งนี้ อาจมีข้อเหมือนและข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง ยังไงเราลองมาดูรายละเอียดที่เปรียบเทียบทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้กันค่ะ

  • โปรแกรม AestheFill

ใช้ส่วนประกอบหลักของ PDLLA ซึ่งอยู่ในกลุ่มของ Collagen Biostimulator มีคุณสมบัติฟื้นฟูคอลลาเจน เป็นสารที่ได้รับการพัฒนามาจากสาร PLLA ทำให้ได้โครงสร้างของสาร PDLLA ที่มีจุดเด่นตรงที่สามารถเติมเต็มได้ในหลายบริเวณ มีขนาดโมเลกุลที่เล็ก มีลักษณะคล้ายฟองน้ำ ทำให้หลังฉีดเราสามารถใช้การนวดเพียงครั้งเดียว คนไข้ไม่ต้องกลับไปนวดต่อที่บ้าน นอกจากนี้ สาร PDLLA ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ Nodule หรือผิวเป็นก้อนอีกด้วยค่ะ

ผลลัพธ์อยู่ได้ : 24 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

การดูแลหลังทำ : นวดเพียงครั้งเดียวหลังฉีด 

  • โปรแกรม Sculptra

ใช้ส่วนประกอบหลักของ PLLA ซึ่งเป็นนวัตกรรม Collagen Biostimulator กลุ่มแรก ๆ ที่ถูกพัฒนาและออกมาก่อน แต่ด้วยสารเติมเต็ม PLLA อาจมีข้อด้อยตรงที่สามารถฉีดได้ในบางบริเวณ ซึ่งเป็นบริเวณรอบนอกของใบหน้า อย่างขมับ หน้าแก้ม และกรอบหน้า รวมถึงหลังฉีดแล้ว คนไข้จะต้องมีการดูแลด้วยการนวดติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน

ผลลัพธ์อยู่ได้ : 24 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

การดูแลหลังทำ : นวดติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน, นวด 5 ครั้งต่อวัน และนวดครั้งละ 5 นาที

ข้อควรระวังและข้อควรปฏิบัติในการเข้ารับบริการนี้

ข้อควรระวัง

  • หากคนไข้มีบาดแผลที่ผิวหนัง หรือมีอาการผิวหนังอักเสบติดเชื้อ หรือมีรอยช้ำ รอยไหม้ ในบริเวณที่จะทำการฉีด ควรรักษาอาการดังกล่าวให้หายดีก่อนทำการฉีด หากไม่แน่ใจสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนได้

ข้อควรระวังและข้อควรปฏิบัติในการเข้ารับบริการนี้

การเตรียมตัวก่อนฉีด

  • คนไข้เข้ารับการตรวจวิเคราะห์ปัญหาผิว รวมถึงรับการวางแผนการรักษาจากแพทย์
  • หากมีโรคประจำตัว มีประวัติแพ้ยา หรือประวัติการทำหัตถการอื่น ๆ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อน
  • 1-2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ ควรงดการรับประทานยา, วิตามิน และอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด มีผลต่อการเกิดอาการฟกช้ำได้ง่าย เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, สารสกัดจากใบแปะก๊วย, น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส เป็นต้น
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ก่อนเข้ารับบริการ 1-3 วัน
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมและส่งเสริมให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ
  • วันที่เข้ารับบริการ หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าและทำความสะอาดผิวหน้า 

การดูแลตัวเองหลังฉีด

  • หลังฉีดอาจมีอาการบวม แดง มีรอยช้ำได้เล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นอาการปกติ และจะหายได้เองตามปกติใน 1-2 วัน
  • หากมีอาการบวมแดงสามารถใช้การประคบเจลเย็นอย่างเบามือ ซึ่งหลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้วเปลี่ยนเป็นการประคบอุ่น รวมถึงสามารถรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการได้
  • 24 ชั่วโมงหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดและความร้อน
  • หลังการฉีด 2-3 ชั่วโมง สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้ตามปกติ

เปรียบเทียบโปรแกรม AestheFill กับนวัตกรรมงานผิวตัวอื่น

นวัตกรรม Biostimulator เป็นการนำสารบางชนิดเพื่อฟื้นฟูคอลลาเจน รวมถึงฟื้นฟูโครงสร้างใต้ชั้นลึกของผิว โดยในปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของ Biostimulator ออกมาใหม่หลากหลายยี่ห้อ ทั้งโปรแกรม AestheFill, โปรแกรม Sculptra, โปรแกรม Gouri, โปรแกรม Ultracol รวมถึงโปรแกรม Radiesse ซึ่งทำให้หลายคนอาจลังเลอยู่ไม่น้อยเลยว่าแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร แล้วเราจะเลือกฉีดตัวไหนดี สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องชนิดของสารประกอบ ซึ่งมีทั้งสาร PLLA, CaHA, PDLLA, PCL, PDO รวมไปถึงยังมีข้อแตกต่างในเรื่องของกลไกการทำงาน, บริเวณที่ฉีด, เหมาะกับใคร, ระยะเวลาในการเห็นผลและระยะเวลาของผลลัพธ์, จำนวนการฉีดที่แนะนำ รวมไปถึงการดูแลหลังทำ โดยสามารถพิจารณาดูข้อเปรียบเทียบได้จากตารางด้านล่างนี้ค่ะ

 

เปรียบเทียบ 5 นวัตกรรมฟื้นฟูอลลาเจน

 

 โปรแกรม AestheFill

โปรแกรม Sculptra

โปรแกรม Gouri

โปรแกรม

Ultracol 

โปรแกรม

Radiesse

สารประกอบหลัก

PDLLA

(Poly-D, L-Lactic Acid)

PLLA

(Poly-L-Lactic Acid)

PCL

(Polycaprolactone)

PDO

(Polydioxanone)

CaHA

(Calcium Hydroxylapatite)

กลไกการทำงาน

ตัวสารเข้าไปทำปฏิกิริยาให้ร่างกายฟื้นฟู

คอลลาเจนตามธรรมชาติ

ตัวสารเข้าไปทำปฏิกิริยาให้ร่างกายฟื้นฟู

คอลลาเจนตามธรรมชาติ

ตัวสารเข้าไปทำปฏิกิริยาให้ร่างกายฟื้นฟู

คอลลาเจนตามธรรมชาติ

ตัวสารเข้าไปทำปฏิกิริยาให้ร่างกายฟื้นฟู

คอลลาเจนตามธรรมชาติ

ตัวสารเข้าไปเกาะติดกับ Fibroblast เพื่อเสริมโครงสร้างให้ดีขึ้น และฟื้นฟูคอลลาเจนรอบ ๆ โครงสร้าง

ข้อดี

ฟื้นฟูคอลลาเจนและสามารถเติมเต็มผิวได้ในหลายบริเวณ

ฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูอ่อนเยาว์จากภายใน และเพิ่มวอลลุ่ม

เป็นไหมน้ำที่กระจายตัวได้ดี ไม่ต้องฉีดหลายจุด

เป็นไหมชนิดแรกที่นำวัสดุ PDO โมเลกุลทรงกลมเล็กระดับนาโน มาใช้เพื่อยกแก้มที่หย่อนคล้อย

เห็นความเปลี่ยนแปลงได้เลยหลังฉีด

บริเวณที่ฉีด

ทั่วใบหน้าและลำคอ

ขมับ, หน้าแก้ม, กรอบหน้า

 

ยกเว้น กลางหน้า เช่น หน้าผาก, ระหว่างคิ้ว, แถวจมูก, รอบดวงตา

ทั่วใบหน้า ลำคอ และหลังมือ

ทั่วใบหน้า ลำคอ และหลังมือ

ทั่วใบหน้า ลำคอ และหลังมือ

 

ยกเว้น ระหว่างคิ้ว, จมูก, รอบปาก

เหมาะกับใคร

คนที่มีริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึก ผิวไม่มีวอลลุ่ม

คนที่มีผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึก ผิวโทรม ขาดน้ำ

คนที่มีริ้วรอยแห่งวัย ผิวหย่อนคล้อย ขาดน้ำ ผิวโทรม

คนที่มีริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย ผิวหมองคล้ำ

คนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป มีผิวหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น มีริ้วรอย ร่องลึก ผิวโทรมไม่สดใส

เห็นผลเมื่อไหร่

เริ่มเห็นผลใน 2 สัปดาห์ และเห็นผลชัดเจนใน 1-2 เดือน

เริ่มเห็นผลใน 2 สัปดาห์ และเห็นผลชัดเจนใน 1-2 เดือน

เห็นผลใน 1-2 สัปดาห์

เห็นผลใน 2-4 สัปดาห์

เริ่มเห็นผลใน 2 สัปดาห์ และเห็นผลชัดเจนใน 1-2 เดือน

ระยะเวลาของผลลัพธ์

24 เดือน*

(ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

24 เดือน*

(ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

6-12 เดือน*

(ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

6-8 เดือน*

(ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

12-24 เดือน*

(ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

จำนวนการฉีดที่แนะนำ

ฉีด 2-3 ครั้ง

ทุก 4-6 สัปดาห์

ฉีด 2-3 ครั้ง

ทุก 4-6 สัปดาห์

ฉีด 3 ครั้ง

ทุก 4 สัปดาห์

ฉีด 3 ครั้ง

ทุก 4-6 สัปดาห์

ฉีด 2-3 ครั้ง

ทุก 4-6 สัปดาห์

การดูแลหลังทำ

นวดได้เลยหลังฉีด เพียงครั้งเดียว

 

นวด 5 ครั้งต่อวัน ครั้งละ 5 นาที นวดติดกัน 5 วัน

ไม่ต้องนวด

ไม่ต้องนวด

ไม่ต้องนวด

Tips จาก Doctor Mek Clinic

ผลลัพธ์จะค่อยเป็นค่อยไปตามกระบวนการปรับโครงสร้างเส้นใยผิวในร่างกาย

ผลลัพธ์จะค่อยเป็นค่อยไปตามกระบวนการปรับโครงสร้างเส้นใยผิวในร่างกาย

ผลลัพธ์อาจอยู่ได้น้อยกว่า

จึงควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อคงผลลัพธ์ได้นาน

ผลลัพธ์อาจอยู่ได้น้อยกว่า

จึงควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อคงผลลัพธ์ได้นาน

อาจมีข้อจำกัดในการใช้กับบริเวณที่ผิวบาง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อน

 

เรื่องงานผิวต้องยกให้ Doctor Mek Clinic

Doctor Mek Clinic เราเป็นคลินิกความงามที่มีทักษะในการยกกระชับปรับรูปหน้า ดูแลผิวพรรณ ที่ได้รับความไว้วางใจจากคนไข้เป็นจำนวนมาก ด้วยมาตรฐานการดูแลรักษา นำทีมโดย “คุณหมอเมฆ” แพทย์ผู้สอนเทคนิคการฉีดยกกระชับปรับรูปหน้าด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์และโปรแกรมร้อยไหม และทีมแพทย์ที่มีทักษะความรู้ด้านโครงสร้างผิวและหลักกายวิภาคศาสตร์ใบหน้า สามารถวิเคราะห์ปัญหาผิวได้ถึงต้นตอสาเหตุ ซึ่งจะช่วยให้วางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้เรายังมีการคัดสรรนำเข้าผลิตภัณฑ์และโปรแกรมด้านความงามที่ได้มาตรฐาน พร้อมทุกแลในทุก ๆ เคสให้อย่างปลอดภัย

Before-After โปรแกรม AestheFill จากผู้มาใช้บริการ

จากภาพเปรียบเทียบก่อนทำและหลังทำโปรแกรม AestheFill โดยหลังทำผิวหน้าดูสดใส อิ่มฟูขึ้น อีกทั้งริ้วรอยต่าง ๆ ดูจางลงกว่าตอนก่อนฉีดทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)

รีวิวความประทับใจของโปรแกรม AestheFill จากผู้ใช้บริการ

นี่เป็นส่วนหนึ่งจากเสียงแห่งความประทับใจจากผู้ที่เคยเข้ารับบริการโปรแกรม AestheFill จนมารีวิวผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังทำว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจริง พร้อมบริการที่ดีจากคุณหมอและบุคลากรในคลินิก

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรม AestheFill

ต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล

โปรแกรม AestheFill จะแนะนำให้ฉีด 2-3 ครั้ง โดยเว้นช่วงระยะเวลาฉีดต่อครั้งประมาณ 4-6 สัปดาห์ (หรือตามดุลยพินิจของแพทย์) ซึ่งต่อจากนี้สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ปีละ 1 ครั้ง เพื่อ Maintain ประสิทธิภาพของผลการรักษา ทำให้ผิวหน้าดูอ่อนวัยได้นานยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

ฉีดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน

หลังทำกาแล้ว ผิวจะได้รับการเติมเต็มให้อิ่มฟูได้เลยค่ะ แต่หลังจากนี้ใน 1 สัปดาห์ จะมีกระบวนการดูดซึมสารน้ำที่ถูกผสม ทำให้ผิวยุบตัวลงบ้าง ซึ่งเป็นอาการปกติ โดยหลังจากนี้ 2-3 สัปดาห์ สาร PDLLA จะออกฤทธิ์ในการฟื้นฟูคอลลาเจนขึ้นใหม่ และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนใน 1-2 เดือน ซึ่งจะสามารถคงผลลัพธ์ได้ราว ๆ 24 เดือน* (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนและการดูแลตัวเองหลังทำ)

หลังฉีดมีผลข้างเคียงหรือไม่

หลังฉีดโปรแกรม AestheFill คนไข้อาจมีอาการบวมและมีรอยช้ำที่ผิวหนังบริเวณที่ทำการฉีดได้ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ และจะค่อย ๆ บรรเทาลงใน 1-2 วัน ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นกังวล และแนะนำให้ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ

โปรแกรม AestheFill อันตรายไหม

สาร PDLLA ที่มีอยู่ในโปรแกรม AestheFill เป็นสารที่ถูกใช้มานานในวงการแพทย์ค่ะ มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิว เมื่อเวลาผ่านไปสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่เหลือสิ่งตกค้างในร่างกายค่ะ แต่ทั้งนี้ แนะนำให้ฉีดกับแพทย์ที่มีทักษะในการรักษา รู้เทคนิคการฉีดอย่างถูกวิธีและรู้จักตัวผลิตภัณฑ์ จึงจะให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพโดยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา

โปรแกรม AestheFill ราคาเท่าไหร่

สำหรับโปรแกรม AestheFill ราคาจะอยู่ที่ 20,000 บาท* ซึ่งราคาอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละเคส ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณของสารเติมเต็มที่ต้องใช้ ซึ่งพิจารณาจากสภาพผิวของคนไข้ว่ามีปัญหามากหรือน้อยเพียงใด และบริเวณที่ทำการฉีด นอกจากนี้ ปัจจัยที่ทำให้ราคาอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นที่จัดขึ้นตามช่วงเวลานั้น ๆ โดยแนะนำให้รับการปรึกษากับทีมแพทย์ Doctor Mek Clinic ด้วยตัวเอง ซึ่งแพทย์จะสามารถวิเคราะห์ปัญหาผิวและประเมินการรักษาเบื้องต้นได้แบบเฉพาะบุคคลเป็น Case by Case ค่ะ

สรุป

โปรแกรม AestheFill นับว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมของสารฟื้นฟูผิวที่มาพร้อมคุณสมบัติอันโดดเด่นที่ช่วยเติมเต็มผิว พร้อมปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้นจากโครงสร้างภายใน ทำให้ผิวหน้าดูเด็กลง ผิวอิ่มฟู ตึงกระชับ ใบหน้ามีมิติ กรอบหน้าชัด และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดก้อน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ สำหรับใครที่สนใจงานผิวแต่ยังไม่แน่ใจว่าเหมาะกับเราไหม หรือเลือกยี่ห้อไหนดี ก็สามารถแอดไลน์ทักแชทเข้ามาสอบถามรายละเอียดกันได้ที่ LINE : @doctormekclinic (มี @ นำหน้า) ปรึกษาแพทย์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ค่ะ