โปรแกรม AestheFill นวัตกรรมงานผิว Biostimulator เพื่อผิวอิ่มฟู ดูยกกระชับ
โปรแกรม AestheFill ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator ซึ่งเป็นนวัตกรรมงานผิวที่ในนาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก และตัวนี้ก็กำลังจะก้าวมาเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความสนใจในวงการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดกับอีกหนึ่งเทรนด์ปั้นผิวให้ดูอ่อนวัย เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโปรแกรม AestheFill กันทุกซอกทุกมุมว่าคืออะไร เหมาะกับใคร ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ราคาเท่าไหร่ และมีความแตกต่างกับกลุ่มงานผิวตัวอื่น ๆ อย่างไร ถ้าพร้อมแล้วเราไปติดตามกันได้เลยค่ะ
โปรแกรม AestheFill คืออะไร
โปรแกรม AestheFill คือ สารเติมเต็มผิวหนังที่ประกอบด้วยสาร PDLLA (Poly-D-L-Lactic Acid) เป็นสารที่ถูกพัฒนามาจากสาร PLLA (Poly L-lactic Acid) ให้กลายมาเป็นสาร PDLLA ซึ่งถูกผลิตด้วยเทคโนโลยี BPM (Biodegradable polymer microparticles) ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร ทำให้ได้โครงสร้างใหม่ที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น จนกลายมาเป็นนวัตกรรม The New Generation of Biostimulator ซึ่งมีคุณสมบัติฟื้นฟูคอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) ช่วยฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวชั้นลึก เมื่อชั้นคอลลาเจนในผิวหนาขึ้นก็จะส่งผลให้ผิวอิ่มฟู เพิ่มวอลลุ่มให้ผิว ยกกระชับเต่งตึง เติมเต็มริ้วรอยร่องลึก และยังช่วยเพิ่ม Skin Quality ให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ โดยให้ผลลัพธ์อยู่ได้ 24 เดือน* (ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) และยังเป็นสารที่สามารถย่อยสลายได้เอง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายค่ะ
โครงสร้างและกลไกการออกฤทธิ์ของสาร PDLLA
สารเติมเต็ม PDLLA ในโปรแกรม AestheFill จะมีโครงสร้างภายในที่มีลักษณะทรงกลมเป็น Sponge Form คือ มีรูพรุนคล้ายกับฟองน้ำ มีความหนาแน่นสูง และมีรูปทรงอนุภาคที่สม่ำเสมอ จึงสามารถดึง Fibroblast (เซลล์สร้างโปรตีนคอลลาเจนและอิลาสติน) ให้เข้ามายึดเกาะกับตัวสาร PDLLA ได้ดี ส่งผลให้เกิดกระบวนการ Neocollagenesis หรือกระบวนการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ รวมไปถึงเนื้อเยื่อต่าง ๆ ใต้ชั้นผิว
โดยเมื่อฉีดสาร PDLLA ไปแล้ว จะช่วยเติมเต็มปริมาตรได้เลย ทำให้ผิวที่มีริ้วรอย ร่องลึก และบริเวณที่ซูบตอบกลับมาอิ่มฟู มีวอลลุ่ม แต่หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ อาจสังเกตได้ว่าผิวสูญเสียวอลลุ่มได้เล็กน้อย ก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เพราะมันเกิดจากสารน้ำที่ถูกผสมเข้าไปถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งต่อจากนี้ใน 2-3 สัปดาห์ขึ้นไป จะเกิดกระบวนการผลิตเส้นใยคอลลาเจนให้มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อชั้นคอลลาเจนในผิวหนาขึ้นก็จะส่งผลให้คุณภาพผิวดีตามไปด้วย ทำให้ผิวอิ่มฟู กระชับเต่งตึง ริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ตื้นขึ้น ส่งผลให้ผิวแลดูอ่อนวัย
ด้วยคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพนี้เอง ทำให้สาร PDLLA มีความโดดเด่นกว่าสาร PLLA ตรงที่สามารถเติมเต็มผิวได้ในหลาย ๆ บริเวณ หลังฉีดจึงให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยยังช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวได้อีก
โปรแกรม AestheFill ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง
โปรแกรม AestheFill สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งของใบหน้าเลยค่ะ โดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องการแก้ไขริ้วรอย ร่องลึก หรือต้องการเติมเต็มความอิ่มฟู ให้ผิวเรียบเนียน ซึ่งบริเวณที่นิยมนำมาฉีด ก็จะมีบริเวณหน้าผาก ขมับ ใต้ตา หน้าแก้ม ร่องแก้ม และกรอบหน้า
- หน้าผาก เพิ่มวอลลุ่มบริเวณหน้าผากอิ่มเอิบ เต่งตึง ลดเลือนริ้วรอย
- ขมับ เติมเต็มขมับที่ตอบให้มีวอลลุ่ม ปรับรูปหน้าให้มีมิติ
- ใต้ตา แก้ปัญหาร่องใต้ตาลึก เติมเต็มให้ผิวเรียบเนียน
- หน้าแก้ม เติมผิวบริเวณแก้มให้อิ่มฟู ยกกระชับ เพิ่มมิติให้ใบหน้า
- ร่องแก้ม เติมเต็มร่องแก้มให้ตื้นขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนวัย
- กรอบหน้า ยกผิวที่หย่อนคล้อย ช่วยเก็บกรอบหน้าให้ชัดขึ้น
- ลำคอ เติมเต็มและลดเลือนเส้นริ้วรอยที่บริเวณลำคอ
โปรแกรม AestheFill เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีปัญหาผิวเริ่มสูญเสียคอลลาเจน ทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก ขาดความยืดหยุ่น
- ผู้ที่ต้องการเติมเต็มผิวในบริเวณต่าง ๆ ให้อิ่มฟู เพิ่มวอลลุ่มในบริเวณที่ซูบตอบ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย และต้องการยกกระชับผิว
- ผู้ที่ต้องการตัวช่วยในการเพิ่ม Skin Quality ให้ดีขึ้น ฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง ดูอ่อนเยาว์
- ผู้ที่ต้องการเติมเต็มผิวพร้อมฟื้นฟูคอลลาเจนให้ผิว ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
โปรแกรม AestheFill ช่วยเรื่องอะไร
- เติมวอลลุ่มให้ผิวอิ่มฟูขึ้นหลังฉีด แก้ปัญหาผิวซูบตอบ ไม่มีมิติ
- ฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวชั้นลึก ทำให้ผิวแข็งแรง ผิวดีขึ้นจากภายใน
- ช่วยให้ผิวยกกระชับ ยืดหยุ่น อิ่มฟู ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
- ปรับปรุง Skin Quality ทั่วใบหน้า ส่งผลให้คุณภาพผิวดีขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยให้ผิวดูอ่อนวัย
จุดเด่นของโปรแกรม AestheFill
- รูปทรงอนุภาคของสารที่สม่ำเสมอ ช่วยให้ยึดเกาะกับเซลล์ต่าง ๆ ได้ดี ลดโอกาสเสี่ยงจะเกิด Nodule หรือเป็นก้อน
- เป็นสารเติมเต็ม PDLLA ที่มีไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และเป็นสารที่ถูกใช้แพร่หลายในวงการแพทย์
- ให้ผลลัพธ์อยู่ได้ถึง 24 เดือน* และเมื่อเวลาผ่านไปคอลลาเจนจะถูกสร้างขึ้นใหม่ สารเติมเต็มจะสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่เหลือตกค้างในร่างกาย ได้ผลลัพธ์ผิวอ่อนเยาว์ในระยะยาว
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่ฉีดง่าย ช่วยให้แพทย์ทำงานได้ง่ายขึ้น
โปรแกรม AestheFill vs โปรแกรม Sculptra ต่างกันอย่างไร
สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ตัวนี้ ต่างก็เป็น Collagen Biostimulator หรือสารเติมเต็มที่มีคุณสมบัติในกาฟรื้นฟูคอลลาเจน แต่ทั้งนี้ อาจมีข้อเหมือนและข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง ยังไงเราลองมาดูรายละเอียดที่เปรียบเทียบทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้กันค่ะ
-
โปรแกรม AestheFill
ใช้ส่วนประกอบหลักของ PDLLA ซึ่งอยู่ในกลุ่มของ Collagen Biostimulator มีคุณสมบัติฟื้นฟูคอลลาเจน เป็นสารที่ได้รับการพัฒนามาจากสาร PLLA ทำให้ได้โครงสร้างของสาร PDLLA ที่มีจุดเด่นตรงที่สามารถเติมเต็มได้ในหลายบริเวณ มีขนาดโมเลกุลที่เล็ก มีลักษณะคล้ายฟองน้ำ ทำให้หลังฉีดเราสามารถใช้การนวดเพียงครั้งเดียว คนไข้ไม่ต้องกลับไปนวดต่อที่บ้าน นอกจากนี้ สาร PDLLA ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ Nodule หรือผิวเป็นก้อนอีกด้วยค่ะ
ผลลัพธ์อยู่ได้ : 24 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
การดูแลหลังทำ : นวดเพียงครั้งเดียวหลังฉีด
-
โปรแกรม Sculptra
ใช้ส่วนประกอบหลักของ PLLA ซึ่งเป็นนวัตกรรม Collagen Biostimulator กลุ่มแรก ๆ ที่ถูกพัฒนาและออกมาก่อน แต่ด้วยสารเติมเต็ม PLLA อาจมีข้อด้อยตรงที่สามารถฉีดได้ในบางบริเวณ ซึ่งเป็นบริเวณรอบนอกของใบหน้า อย่างขมับ หน้าแก้ม และกรอบหน้า รวมถึงหลังฉีดแล้ว คนไข้จะต้องมีการดูแลด้วยการนวดติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน
ผลลัพธ์อยู่ได้ : 24 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
การดูแลหลังทำ : นวดติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน, นวด 5 ครั้งต่อวัน และนวดครั้งละ 5 นาที
ข้อควรระวังและข้อควรปฏิบัติในการเข้ารับบริการนี้
ข้อควรระวัง
- หากคนไข้มีบาดแผลที่ผิวหนัง หรือมีอาการผิวหนังอักเสบติดเชื้อ หรือมีรอยช้ำ รอยไหม้ ในบริเวณที่จะทำการฉีด ควรรักษาอาการดังกล่าวให้หายดีก่อนทำการฉีด หากไม่แน่ใจสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนได้
การเตรียมตัวก่อนฉีด
- คนไข้เข้ารับการตรวจวิเคราะห์ปัญหาผิว รวมถึงรับการวางแผนการรักษาจากแพทย์
- หากมีโรคประจำตัว มีประวัติแพ้ยา หรือประวัติการทำหัตถการอื่น ๆ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อน
- 1-2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ ควรงดการรับประทานยา, วิตามิน และอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด มีผลต่อการเกิดอาการฟกช้ำได้ง่าย เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, สารสกัดจากใบแปะก๊วย, น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส เป็นต้น
- งดการดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ก่อนเข้ารับบริการ 1-3 วัน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมและส่งเสริมให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ
- วันที่เข้ารับบริการ หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าและทำความสะอาดผิวหน้า
การดูแลตัวเองหลังฉีด
- หลังฉีดอาจมีอาการบวม แดง มีรอยช้ำได้เล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นอาการปกติ และจะหายได้เองตามปกติใน 1-2 วัน
- หากมีอาการบวมแดงสามารถใช้การประคบเจลเย็นอย่างเบามือ ซึ่งหลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้วเปลี่ยนเป็นการประคบอุ่น รวมถึงสามารถรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการได้
- 24 ชั่วโมงหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดและความร้อน
- หลังการฉีด 2-3 ชั่วโมง สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้ตามปกติ
เปรียบเทียบโปรแกรม AestheFill กับนวัตกรรมงานผิวตัวอื่น
นวัตกรรม Biostimulator เป็นการนำสารบางชนิดเพื่อฟื้นฟูคอลลาเจน รวมถึงฟื้นฟูโครงสร้างใต้ชั้นลึกของผิว โดยในปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของ Biostimulator ออกมาใหม่หลากหลายยี่ห้อ ทั้งโปรแกรม AestheFill, โปรแกรม Sculptra, โปรแกรม Gouri, โปรแกรม Ultracol รวมถึงโปรแกรม Radiesse ซึ่งทำให้หลายคนอาจลังเลอยู่ไม่น้อยเลยว่าแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร แล้วเราจะเลือกฉีดตัวไหนดี สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องชนิดของสารประกอบ ซึ่งมีทั้งสาร PLLA, CaHA, PDLLA, PCL, PDO รวมไปถึงยังมีข้อแตกต่างในเรื่องของกลไกการทำงาน, บริเวณที่ฉีด, เหมาะกับใคร, ระยะเวลาในการเห็นผลและระยะเวลาของผลลัพธ์, จำนวนการฉีดที่แนะนำ รวมไปถึงการดูแลหลังทำ โดยสามารถพิจารณาดูข้อเปรียบเทียบได้จากตารางด้านล่างนี้ค่ะ
เปรียบเทียบ 5 นวัตกรรมฟื้นฟูอลลาเจน |
|||||
|
โปรแกรม AestheFill |
โปรแกรม Sculptra |
โปรแกรม Gouri |
โปรแกรม Ultracol |
โปรแกรม Radiesse |
สารประกอบหลัก |
PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) |
PLLA (Poly-L-Lactic Acid) |
PCL (Polycaprolactone) |
PDO (Polydioxanone) |
CaHA (Calcium Hydroxylapatite) |
กลไกการทำงาน |
ตัวสารเข้าไปทำปฏิกิริยาให้ร่างกายฟื้นฟู คอลลาเจนตามธรรมชาติ |
ตัวสารเข้าไปทำปฏิกิริยาให้ร่างกายฟื้นฟู คอลลาเจนตามธรรมชาติ |
ตัวสารเข้าไปทำปฏิกิริยาให้ร่างกายฟื้นฟู คอลลาเจนตามธรรมชาติ |
ตัวสารเข้าไปทำปฏิกิริยาให้ร่างกายฟื้นฟู คอลลาเจนตามธรรมชาติ |
ตัวสารเข้าไปเกาะติดกับ Fibroblast เพื่อเสริมโครงสร้างให้ดีขึ้น และฟื้นฟูคอลลาเจนรอบ ๆ โครงสร้าง |
ข้อดี |
ฟื้นฟูคอลลาเจนและสามารถเติมเต็มผิวได้ในหลายบริเวณ |
ฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูอ่อนเยาว์จากภายใน และเพิ่มวอลลุ่ม |
เป็นไหมน้ำที่กระจายตัวได้ดี ไม่ต้องฉีดหลายจุด |
เป็นไหมชนิดแรกที่นำวัสดุ PDO โมเลกุลทรงกลมเล็กระดับนาโน มาใช้เพื่อยกแก้มที่หย่อนคล้อย |
เห็นความเปลี่ยนแปลงได้เลยหลังฉีด |
บริเวณที่ฉีด |
ทั่วใบหน้าและลำคอ |
ขมับ, หน้าแก้ม, กรอบหน้า
ยกเว้น กลางหน้า เช่น หน้าผาก, ระหว่างคิ้ว, แถวจมูก, รอบดวงตา |
ทั่วใบหน้า ลำคอ และหลังมือ |
ทั่วใบหน้า ลำคอ และหลังมือ |
ทั่วใบหน้า ลำคอ และหลังมือ
ยกเว้น ระหว่างคิ้ว, จมูก, รอบปาก |
เหมาะกับใคร |
คนที่มีริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึก ผิวไม่มีวอลลุ่ม |
คนที่มีผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึก ผิวโทรม ขาดน้ำ |
คนที่มีริ้วรอยแห่งวัย ผิวหย่อนคล้อย ขาดน้ำ ผิวโทรม |
คนที่มีริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย ผิวหมองคล้ำ |
คนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป มีผิวหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น มีริ้วรอย ร่องลึก ผิวโทรมไม่สดใส |
เห็นผลเมื่อไหร่ |
เริ่มเห็นผลใน 2 สัปดาห์ และเห็นผลชัดเจนใน 1-2 เดือน |
เริ่มเห็นผลใน 2 สัปดาห์ และเห็นผลชัดเจนใน 1-2 เดือน |
เห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ |
เห็นผลใน 2-4 สัปดาห์ |
เริ่มเห็นผลใน 2 สัปดาห์ และเห็นผลชัดเจนใน 1-2 เดือน |
ระยะเวลาของผลลัพธ์ |
24 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) |
24 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) |
6-12 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) |
6-8 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) |
12-24 เดือน* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) |
จำนวนการฉีดที่แนะนำ |
ฉีด 2-3 ครั้ง ทุก 4-6 สัปดาห์ |
ฉีด 2-3 ครั้ง ทุก 4-6 สัปดาห์ |
ฉีด 3 ครั้ง ทุก 4 สัปดาห์ |
ฉีด 3 ครั้ง ทุก 4-6 สัปดาห์ |
ฉีด 2-3 ครั้ง ทุก 4-6 สัปดาห์ |
การดูแลหลังทำ |
นวดได้เลยหลังฉีด เพียงครั้งเดียว
|
นวด 5 ครั้งต่อวัน ครั้งละ 5 นาที นวดติดกัน 5 วัน |
ไม่ต้องนวด |
ไม่ต้องนวด |
ไม่ต้องนวด |
Tips จาก Doctor Mek Clinic |
ผลลัพธ์จะค่อยเป็นค่อยไปตามกระบวนการปรับโครงสร้างเส้นใยผิวในร่างกาย |
ผลลัพธ์จะค่อยเป็นค่อยไปตามกระบวนการปรับโครงสร้างเส้นใยผิวในร่างกาย |
ผลลัพธ์อาจอยู่ได้น้อยกว่า จึงควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อคงผลลัพธ์ได้นาน |
ผลลัพธ์อาจอยู่ได้น้อยกว่า จึงควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อคงผลลัพธ์ได้นาน |
อาจมีข้อจำกัดในการใช้กับบริเวณที่ผิวบาง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อน |
เรื่องงานผิวต้องยกให้ Doctor Mek Clinic
Doctor Mek Clinic เราเป็นคลินิกความงามที่มีทักษะในการยกกระชับปรับรูปหน้า ดูแลผิวพรรณ ที่ได้รับความไว้วางใจจากคนไข้เป็นจำนวนมาก ด้วยมาตรฐานการดูแลรักษา นำทีมโดย “คุณหมอเมฆ” แพทย์ผู้สอนเทคนิคการฉีดยกกระชับปรับรูปหน้าด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์และโปรแกรมร้อยไหม และทีมแพทย์ที่มีทักษะความรู้ด้านโครงสร้างผิวและหลักกายวิภาคศาสตร์ใบหน้า สามารถวิเคราะห์ปัญหาผิวได้ถึงต้นตอสาเหตุ ซึ่งจะช่วยให้วางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้เรายังมีการคัดสรรนำเข้าผลิตภัณฑ์และโปรแกรมด้านความงามที่ได้มาตรฐาน พร้อมทุกแลในทุก ๆ เคสให้อย่างปลอดภัย
Before-After โปรแกรม AestheFill จากผู้มาใช้บริการ
จากภาพเปรียบเทียบก่อนทำและหลังทำโปรแกรม AestheFill โดยหลังทำผิวหน้าดูสดใส อิ่มฟูขึ้น อีกทั้งริ้วรอยต่าง ๆ ดูจางลงกว่าตอนก่อนฉีดทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)
รีวิวความประทับใจของโปรแกรม AestheFill จากผู้ใช้บริการ
นี่เป็นส่วนหนึ่งจากเสียงแห่งความประทับใจจากผู้ที่เคยเข้ารับบริการโปรแกรม AestheFill จนมารีวิวผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังทำว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจริง พร้อมบริการที่ดีจากคุณหมอและบุคลากรในคลินิก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรม AestheFill
โปรแกรม AestheFill จะแนะนำให้ฉีด 2-3 ครั้ง โดยเว้นช่วงระยะเวลาฉีดต่อครั้งประมาณ 4-6 สัปดาห์ (หรือตามดุลยพินิจของแพทย์) ซึ่งต่อจากนี้สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ปีละ 1 ครั้ง เพื่อ Maintain ประสิทธิภาพของผลการรักษา ทำให้ผิวหน้าดูอ่อนวัยได้นานยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
หลังทำกาแล้ว ผิวจะได้รับการเติมเต็มให้อิ่มฟูได้เลยค่ะ แต่หลังจากนี้ใน 1 สัปดาห์ จะมีกระบวนการดูดซึมสารน้ำที่ถูกผสม ทำให้ผิวยุบตัวลงบ้าง ซึ่งเป็นอาการปกติ โดยหลังจากนี้ 2-3 สัปดาห์ สาร PDLLA จะออกฤทธิ์ในการฟื้นฟูคอลลาเจนขึ้นใหม่ และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนใน 1-2 เดือน ซึ่งจะสามารถคงผลลัพธ์ได้ราว ๆ 24 เดือน* (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนและการดูแลตัวเองหลังทำ)
หลังฉีดโปรแกรม AestheFill คนไข้อาจมีอาการบวมและมีรอยช้ำที่ผิวหนังบริเวณที่ทำการฉีดได้ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ และจะค่อย ๆ บรรเทาลงใน 1-2 วัน ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นกังวล และแนะนำให้ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ
สาร PDLLA ที่มีอยู่ในโปรแกรม AestheFill เป็นสารที่ถูกใช้มานานในวงการแพทย์ค่ะ มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิว เมื่อเวลาผ่านไปสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่เหลือสิ่งตกค้างในร่างกายค่ะ แต่ทั้งนี้ แนะนำให้ฉีดกับแพทย์ที่มีทักษะในการรักษา รู้เทคนิคการฉีดอย่างถูกวิธีและรู้จักตัวผลิตภัณฑ์ จึงจะให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพโดยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา
สำหรับโปรแกรม AestheFill ราคาจะอยู่ที่ 20,000 บาท* ซึ่งราคาอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละเคส ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณของสารเติมเต็มที่ต้องใช้ ซึ่งพิจารณาจากสภาพผิวของคนไข้ว่ามีปัญหามากหรือน้อยเพียงใด และบริเวณที่ทำการฉีด นอกจากนี้ ปัจจัยที่ทำให้ราคาอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นที่จัดขึ้นตามช่วงเวลานั้น ๆ โดยแนะนำให้รับการปรึกษากับทีมแพทย์ Doctor Mek Clinic ด้วยตัวเอง ซึ่งแพทย์จะสามารถวิเคราะห์ปัญหาผิวและประเมินการรักษาเบื้องต้นได้แบบเฉพาะบุคคลเป็น Case by Case ค่ะ
สรุป
โปรแกรม AestheFill นับว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมของสารฟื้นฟูผิวที่มาพร้อมคุณสมบัติอันโดดเด่นที่ช่วยเติมเต็มผิว พร้อมปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้นจากโครงสร้างภายใน ทำให้ผิวหน้าดูเด็กลง ผิวอิ่มฟู ตึงกระชับ ใบหน้ามีมิติ กรอบหน้าชัด และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดก้อน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ สำหรับใครที่สนใจงานผิวแต่ยังไม่แน่ใจว่าเหมาะกับเราไหม หรือเลือกยี่ห้อไหนดี ก็สามารถแอดไลน์ทักแชทเข้ามาสอบถามรายละเอียดกันได้ที่ LINE : @doctormekclinic (มี @ นำหน้า) ปรึกษาแพทย์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ค่ะ