ฉีดโบท็อกปีกจมูก
สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องปีกจมูกบานอยู่ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ หรือเวลาที่โกรธ แต่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ เรื่องการผ่าตัดทำศัลยกรรม ไม่มีเวลาพักฟื้น กลัวเจ็บ กลัวมีแผลเป็น หมดกังวลได้เลยค่ะ เพราะวิธีฉีดโบท็อกปีกจมูก (Botox Nasal flare) แบบไม่ต้องผ่าตัด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์แน่นอนค่ะ และยังเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ จมูกดูเรียวเล็กลง และที่สำคัญคือ ไม่มีแผลเป็นคอยกวนใจ แต่ก่อนตัดสินใจเข้ารับการฉีดโบท็อกปีกจมูก สิ่งที่จำเป็นนั่นก็คือ การหาข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อเป็นตัวช่วยในกาตัดสินใจและเป็นการเตรียมความพร้อมนั่นเอง โดยในบทความนี้ เรามีข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับการโบท็อกปีกจมูกมาฝากกัน เดี๋ยวเราไปติดตามกันได้เลยค่ะ
โบท็อกปีกจมูก คืออะไร
โบท็อกปีกจมูก คือ การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) ไปยังบริเวณปีกจมูกทั้ง 2 ข้าง ซึ่งเป็นการฉีด 2 จุด คือ มัดกล้ามเนื้อ Dilator naris (DN) หรือ Alar nasalis ที่ทำหน้าที่ให้ปีกจมูกขยับกางออก และมัดกล้ามเนื้อ Levator labii superioris alaeque nasi muscle ที่ทำหน้าที่ดึงจมูกจากบริเวณข้างจมูกและตรงร่องแก้ม ทำให้ปีกจมูกกางออก โดยคุณสมบัติของสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน นี้เองจะไปทำให้กล้ามเนื้อหยุดทำงานลงชั่วคราว ส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัวและหดตัวเล็กลงในที่สุด ทำให้ปีกจมูกกางออกได้น้อยลงเวลาที่แสดงสีหน้าต่าง ๆ เช่น เวลายิ้ม พูด หัวเราะ เป็นต้น หลังฉีดโบท็อกปีกจมูกจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งจะสังเกตได้ว่ารูปทรงจมูกดูดีขึ้น ปีกจมูกและรูจมูกดูแคบลง
3 สาเหตุที่ทำให้จมูกบาน
ปัญหาจมูกกว้างและบานออก เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่ทำให้หลายคนหมดความมั่นใจ โดยเช็กได้ง่าย ๆ คือ ปีกจมูกทั้ง 2 ข้างจะกางออกเลยแนวหัวตา แต่ทราบไหมคะว่า ปัญหาจมูกบานแบบนี้เกิดจาก 3 สาเหตุ
-
จมูกบานที่เกิดจากผิวหนัง
สาเหตุของจมูกบาน คือ ชั้นผิวหนังที่มีมากหรือหนาจนสามารถดึงผิวหนังส่วนนี้ได้เยอะ ซึ่งส่วนมากแล้วจะพบในรายที่มีน้ำหนักตัวค่อนข้างเยอะ มีไขมันสะสมที่บริเวณจมูก โดยสังเกตได้ว่าที่จมูกจะมีลักษณะกลมและนิ่ม ทำให้จมูกดูบานออก ซึ่งหากเนื้อจมูกไม่หนามากเกินไป สามารถใช้การฉีดโบท็อกปีกจมูกช่วยได้ (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์)
-
จมูกบานที่เกิดจากกล้ามเนื้อ
ในกรณีที่ปีกจมูกบานเพราะกล้ามเนื้อ เกิดจากการที่มีกล้ามเนื้อรวมถึงไขมันมากเกินไป เมื่อเวลาที่เราแสดงออกทางสีหน้า เช่น เวลาพูดคุย ยิ้ม หัวเราะ หรือแสดงอาการตกใจ หรือโกรธ บริเวณปีกจมูกจะถูกยกตามและกางออกมาชัดเจน ซึ่งการแก้ไขทำได้โดยการฉีดโบท็อกปีกจมูก
-
จมูกบานที่เกิดจากกระดูกอ่อน
ปัญหานี้เกิดจากบริเวณกระดูกอ่อนบริเวณปลายจมูกมีลักษณะใหญ่ กว้าง และบานออกมา ด้วยโครงสร้างของกระดูกอ่อนแบบนี้จะทำให้ปลายจมูกไม่ได้รูปทรงที่สวยงาม ซึ่งหากคนไข้มีปัญหาจมูกบานที่เกิดจากกระดูกอ่อน จะไม่สามารถฉีดโบท็อกปีกจมูกได้ เนื่องจากโบท็อกไม่สามารถทำให้กระดูกอ่อนหดตัวหรือเล็กลงได้ โดยวิธีแก้ไขที่แนะนำคือ การผ่าตัดทำศัลยกรรมปีกจมูกค่ะ
โบท็อกปีกจมูก เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีปัญหาปีกจมูกบาน ปีกจมูกโต ปีกจมูกใหญ่ รูจมูกกว้าง
- ผู้ที่มีปัญหาปีกจมูกบานจากกล้ามเนื้อ เมื่อแสดงอารมณ์ทางสีหน้า เช่น หัวเราะ ยิ้ม โกรธ หรือร้องไห้ จะเห็นปีกจมูกกางออกมาอย่างชัดเจน
- ผู้ที่มีปัญหารูจมูกกว้างจนหมดความมั่นใจ
- ผู้ที่ไม่ต้องการทำศัลยกรรมผ่าตัดปีกจมูก กลัวการผ่าตัด ไม่อยากมีแผลเป็น ไม่อยากพักฟื้นนาน
ข้อจำกัดในการเข้ารับบริการ
ในการฉีดโบท็อกปีกจมูกอาจมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ผู้ที่มีลักษณะปีกจมูกหนามาก เมื่อฉีดโบท็อกปีกจมูกไปแล้วอาจไม่ค่อยเห็นผล โดยการฉีดโบท็อกปีกจมูกจะเห็นผลชัดเจนในกรณีที่มีจมูกบานมาก ๆ จากกล้ามเนื้อและมีผิวหนังที่บาง ไม่หนามากเกินไป นอกจากนี้ แนะนำว่าผู้เข้ารับบริการควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากหากอายุน้อยกว่านี้ โครงสร้างของจมูกยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ซึ่งอาจส่งผลต่อรูปทรงจมูกได้
ภาพก่อนและหลังการฉีดโบท็อกปีกจมูก
ด้วยทักษะ, เทคนิคเฉพาะตัวของแพทย์ Doctor Mek Clinic ทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกปีกจมูกได้รูปทรงออกสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ปีกจมูกและรูจมูกแคบเล็กลง
โบท็อกปีกจมูก รีวิวจากคนไข้จริง
ที่ Doctor Mek Clinic เรามีเทคนิคปรับรูปทรงปีกจมูกเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และมีการนำหลักวิเคราะห์กายวิภาคศาสตร์มาใช้กับทุกเคส ทำให้ผลลัพธ์ออกมาตรงกับความต้องการของคนไข้ รวมถึงมีความปลอดภัย ส่งผลให้คนไข้เกิดความประทับใจ เพราะทำแล้วเห็นผลจริง ปีกจมูกแคบลง รูปทรงจมูกดูดีและโด่งขึ้น
โบท็อกปีกจมูก ยี่ห้อไหนดี
หลายคนสงสัยและยังตัดสินใจไม่ถูกว่า โบท็อกปีกจมูก ยี่ห้อไหนดี สำหรับการฉีดโบท็อกปีกจมูกสามารถให้โบท็อกได้หลากหลายยี่ห้อที่ได้รับรองมาตรฐานจากอย. ไทยและต่างประเทศ เช่น โบท็อกเกาหลียี่ห้อ Nabota, Botulax และ Aestox , โบท็อกจากอังกฤษ Dysport หรือจะเป็นโบท็อกเยอรมันยี่ห้อ Xeomin หรือโบท็อก อเมริกายอดฮิต Allergan ทั้งนี้คนไข้จะเลือกฉีดโบท็อกปีกจมูกยี่ห้อไหนดี สามารถพูดคุยปรึกษาแพทย์ได้ค่ะ เพราะโบท็อกแต่ละยี่ห้ออาจมีความแตกต่างกันในเรื่องของราคา (โบท็อกเกาหลีราคาสบายกระเป๋ากว่ายี่ห้ออื่น ๆ) และคุณสมบัติของตัวยา ซึ่งการพิจารณาเลือกยี่ห้อไหนนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้และคำแนะนำจากแพทย์ค่ะ
ไม่ว่าจะเลือกฉีดโบท็อกปีกจมูกยี่ห้อไหน คนไข้สามารถมั่นใจได้ในผลลัพธ์และความปลอดภัย เพราะที่ Doctor Mek Clinic เลือกใช้แต่โบท็อกแท้ที่ได้รับรองมาตรฐานจากอย. ในไทยและต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งเป็นโบท็อกที่สลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้าง ผสานกับเทคนิคการฉีดโบท็อกปีกจมูกแบบเฉพาะตัว ทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยดูดีแน่นอนค่ะ
โบท็อกปีกจมูก ราคาเท่าไหร่
สำหรับการฉีดโบท็อกปีกจมูกที่ Doctor Mek Clinic ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4,999 บาท ทั้งนี้การฉีดโบท็อกปีกจมูก ราคาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละเคส ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อก รวมไปถึงปริมาณตัวยาที่ใช้ค่ะ เช่น หากเลือกโบท็อกของอเมริกา ราคาอาจสูงกว่าโบท็อกของเกาหลี แต่ทั้งนี้โบท็อกอเมริกาเป็นตัวยาที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความบริสุทธิ์สูง โดยคนไข้สามารถพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้เพื่อการตัดสินใจที่ตรงกับความพึงพอใจของคนไข้มากที่สุดค่ะ
โบท็อกปีกจมูกที่ไหนดี
- เลือกฉีดโบท็อกปีกจมูกกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และมีประสบการณ์สูง
- เลือกฉีดโบท็อกปีกจมูกกับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาต และเลือกใช้แต่โบท็อกแท้ที่ได้รับรองมาตรฐานจากอย. ไทยและต่างประเทศ (คลินิกสามารถให้คนไข้สามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ได้)
- เลือกฉีดโบท็อกปีกจมูกกับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีรีวิวจากคนไข้จริง และมีรีวิวให้เลือกดูเยอะ
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกปีกจมูก
- เข้ารับการปรึกษากับแพทย์เพื่อทำการประเมินปัญหาและรับคำแนะนำอย่างละเอียด
- หากมีโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
- ก่อนฉีดโบท็อกปีกจมูก 1 สัปดาห์ แนะนำให้งดรับประทานยา วิตามิน หรืออาหารเสริม ที่มีผลทำให้เลือดไหลไม่หยุด เช่น แอสไพริน, ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDs, วิตามิน C และ E, น้ำมันตับปลา, โสม
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์หรือยาที่เป็นกรดวิตามิน A, AHA รวมถึงการทำขัดผิวหรือสครับผิวหน้าก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกปีกจมูกประมาณ 2-3 วัน
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 24 ชั่วโมงก่อนฉีดโบท็อกปีกจมูก
- หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรอยู่ และผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่ควรฉีดโบท็อก
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกปีกจมูก
- เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดบริเวณใบหน้าและบริเวณปีกจมูกที่จะทำการฉีดโบท็อก
- ทำการแปะยาชาบริเวณที่ต้องการฉีดโบท็อก จากนั้นรอให้ยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
- ทำการประคบเย็นก่อน และจากนั้นแพทย์จะเริ่มทำการฉีดโบท็อกที่บริเวณปีกจมูกทั้ง 2 ข้าง ด้วยเข็มขนาดเล็ก ซึ่งใช้เวลารวมกันทั้งหมดไม่เกิน 15 นาที
- เมื่อทำการฉีดโบท็อกปีกจมูกเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะพูดคุยและแนะนำการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีกับคนไข้
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกปีกจมูก
- ในช่วง 3-4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อก งดการนอนราบ ยังไม่ควรจับสัมผัสและยังไม่ควรทำการประคบเย็น เพราะร่างกายยังไม่สามารถดูดซึมยาได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่
- ในชั่วโมงแรก ๆ ให้ระมัดระวังเรื่องการขยับกล้ามเนื้อ และรับประทานอาหารโดยการขยับเคี้ยวเบา ๆ
- ในช่วง 2 วันแรกหลังฉีดโบท็อก งดการออกกำลังกายหนัก ๆ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องเจอกับความร้อนและแสงแดด เช่น ซาวน่า, เล่นกีฬากลางแจ้ง หรือการอยู่หน้าเตาปิ้งย่างร้อน ๆ เพราะอาจทำให้ตัวยาสลายตัว
- ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดโบท็อกปีกจมูก งดการนวดหน้า งดทำทรีทเมนท์ด้วยเครื่อง RF
- หลังฉีดโบท็อกลดกราม สามารถทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรสัมผัสใบหน้าและบริเวณที่ฉีดโบท็อกลดกรามอย่างเบามือ
- ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดโบท็อก งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ รวมถึงงดการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เพราะอาจทำให้รอยแผลจากเข็มหายช้า
2 บริการแนะนำ “โบท็อกรัดแกนจมูก โบท็อกยกปลายจมูก”
นอกจากการฉีดโบท็อกปีกจมูก ลดความกว้างของปีกจมูกแล้ว ที่ Doctor Mek Clinic ยังมีอีก 2 เทคนิคการฉีดโบท็อกจมูก นั่นคือ โบท็อกรัดแกนจมูกและโบท็อกยกปลายจมูก ช่วยปรับรูปทรงจมูกให้ดูดีขึ้น แบบไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดทำศัลยกรรม ใช้เวลาไม่น้อย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผลเป็น
-
โบท็อกรัดแกนจมูก
โบท็อกรัดแกนจมูก คือ การฉีดโบท็อกเพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณสันจมูก ให้เกิดการคลายตัวและลีบลง ทำให้สันจมูกดูคมชัดมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยบริเวณข้างสันจมูกได้อีกด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วเวลาที่เราแสดงออกทางสีหน้า เช่น การยิ้มหรือหัวเราะ จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณสันจมูกหดตัวและกดให้สันจมูกแบน ซึ่งหากทำการฉีดโบท็อกรัดแกนจมูกก็จะทำให้กล้ามเนื้อคลายและอ่อนตัวลง ส่งผลให้สันจมูกดูคมชัดมากขึ้นนั่นเองค่ะ
-
โบท็อกยกปลายจมูก
โบท็อกยกปลายจมูก คือ การฉีดโบท็อกเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ดึงรั้งปลายจมูกจนงุ้มลง เกิดการคลายและอ่อนตัวลง ทำให้ปลายจมูกเชิดขึ้น ปรับจมูกงุ้มให้ได้รูปทรงที่สวยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ การฉีดโบท็อกยกปลายจมูกนับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการปรับแต่งรูปทรงจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด และยังได้รับความนิยมมากอีกด้วย
ทำไมต้องโบท็อกปีกจมูกที่ Doctor Mek Clinic
- ดูแลทุกเคสแพทย์ผู้ชำนาญการและมีประสบการณ์ด้านโบท็อก
- วิเคราะห์ปัญหาด้วยเทคนิควิเคราะห์กายวิภาคศาสตร์ และดีไซน์รูปทรงจมูกก่อนฉีดโบท็อกปีกจมูกแบบเฉพาะบุคคล (Case by Case) เพื่อให้ผลลัพธ์สวยเป็นธรรมชาติในแบบคุณ
- ด้วยเทคนิคพิเศษในการฉีดโบท็อกจมูกที่สามารถตอบโจทย์ปัญหารูปทรงจมูกต่าง ๆ ทั้งการฉีดโบท็อกปีกจมูก, ฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก และฉีดโบท็อกยกปลายจมูก
- “หมอของดารา” โดยได้รับความไว้วางใจจากดาราชื่อดังของประเทศเป็นจำนวนมากในการเข้ารับบริการที่คลินิก
- เป็นหนึ่งในคลินิกของเมืองไทยที่ได้รับรางวัลคุณภาพด้านโบท็อก
- ใช้โบท็อกแท้ที่ได้รับรองมาตรฐานจากอย. ไทยและองค์การอาหารและยาในระดับสากล โดยผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นสามารถตรวจสอบ Serial Number ได้
- มีรีวิวจากคนไข้ที่เข้ารับบริการ สามารถขอดูภาพก่อนทำ-หลังทำไปประกอบการตัดสินใจได้
- เห็นผลจริงทุกเคส ปีกจมูกแคบลง รูปทรงจมูกดูดีขึ้น
- มีการติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด พร้อมการบริการที่เป็นกันเอง
- ปรึกษาแพทย์ฟรีทุกเคส! ไม่มีค่าใช้จ่าย
จะเห็นได้ว่า การปรับรูปทรงจมูกหรือการลดปีกจมูก ไม่จำเป็นต้องพึ่งวิธีผ่าตัดเสมอไป ทางเลือกอย่าง “การฉีดโบท็อกปีกจมูก” ก็นับว่าเป็นวิธีที่จะช่วยปรับปีกจมูกที่กว้างให้แคบลงได้ แบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่เสียเวลาพักฟื้น และไม่ต้องเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น หากใครที่กำลังสนใจหัตถการฉีดโบท็อกปีกจมูกอยู่ สามารถสอบถามเพิ่มเติม หรือเข้ารับการประเมินจากทีมแพทย์ที่ Doctor Mek Clinic ได้เลยค่ะ หรือสามารถติดต่อได้ตามช่องทางด้านล่างค่ะ
สรุป
โบท็อกปีกจมูกดีไหม
อีกคำถามที่พบได้บ่อยคือ โบท็อกปีกจมูกดีไหม…ตอบได้เลยค่ะว่า “โบท็อกปีกจมูกให้ผลลัพธ์ที่ดีแน่นอน” หากเป็นกรณีที่มีปัญหาจมูกบานที่เกิดจากกล้ามเนื้อ ซึ่งหลังฉีดโบท็อกปีกจมูกจะทำให้ปีกจมูกแคบลง รูจมูกเล็ก โดยเฉพาะเวลาที่แสดงออกทางสีหน้าและพูดคุย โดยเฉพาะในคนที่กลัวการผ่าตัด ไม่อยากมีแผลเป็น หรือมีประวัติเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ได้ง่าย การฉีดโบท็อกปีกจมูกจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดีเลยค่ะ
ทั้งนี้ การฉีดโบท็อกปีกจมูกจะให้ผลลัพธ์ดี ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่ออาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ จะต้องคำนึงถึงสิ่งสำคัญคือ ทักษะ, เทคนิค และความเชี่ยวชาญของแพทย์ รวมไปถึงเลือกทำกับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาต และใช้โบท็อกแท้ที่ได้รับรองมาตรฐานจากอย.ในไทยและต่างประเทศเท่านั้นนะคะ
โบท็อกปีกจมูก เจ็บไหม
หลายคนอาจเคยเห็นภาพที่บางคลินิกหรือบางสถานพยาบาล ตอนทำการฉีดโบท็อกปีกจมูก คนไข้บางคนร้องไห้ มีน้ำตาไหล จนทำให้ไม่กล้าฉีดโบท็อกปีกจมูก แต่ในความเป็นจริงแล้ว การฉีดโบท็อกปีกจมูกอาจทำให้คนไข้มีความรู้สึกเจ็บได้บ้างเล็กน้อย (เป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้) เนื่องจากบริเวณปีกจมูกเป็นจุดศูนย์รวมของเส้นประสาท ซึ่งค่อนข้างเป็นจุดที่ Sensitive โดยในขั้นตอนฉีดโบท็อกอาจทำให้น้ำตาไหลได้บ้าง ทั้งนี้เกิดจากกลไกตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายเรานั่นเองค่ะ นอกจากนี้ ก่อนทำการฉีดโบท็อกปีกจมูกจะมีการแปะยาชาก่อน รวมถึงมีการประคบเย็นช่วย ซึ่งเป็นการระงับความเจ็บปวดในระหว่างทำการรักษาได้ค่ะ
ฉีดโบท็อกจมูก ช่วยให้จมูกโด่งได้ไหม
หลายท่านสงสัยว่า ฉีดโบท็อกจมูกช่วยให้จมูกโด่งขึ้นได้ไหม สำหรับการฉีดโบท็อกจมูกช่วยให้สันดูโด่งขึ้นได้ประมาณ 10-20% ค่ะ ซึ่งถึงแม้ว่าอาจให้ระดับความโด่งไม่เท่ากับการผ่าตัดศัลยกรรม โดยตัวยาโบทูลินั่ม ท็อกซิน จะทำให้กล้ามเนื้อมัดเล็ก ๆ รอบจมูกที่เคยหดตัวรั้งจมูกไว้ ทำให้จมูกแบน ปลายจมูกงุ้ม ปีกจมูกบาน เกิดการคลายตัวออก จมูกจึงไม่ถูกดึงรั้งเอาไว้ สันจมูกก็จะดูโด่งขึ้นได้ค่ะ
โบท็อกปีกจมูกอยู่ได้นานแค่ไหน
หลังฉีดโบท็อกปีกจมูกจะให้ผลลัพธ์นาน 4-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่เลือกใช้, เทคนิคในการฉีด รวมไปถึงการดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งหลังจากที่โบท็อกหมดฤทธิ์ คนไข้สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ เพื่อคงประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้แนะนำให้เว้นระยะห่างในการฉีดแต่ละครั้งประมาณ 3 เดือนขึ้นไป หรือตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ
โบท็อกปีกจมูก ใช้กี่ยูนิต
ในการฉีดโบท็อกปีกจมูก แพทย์จะทำการฉีดไปที่มัดกล้ามเนื้อ 2 ตำแหน่ง คือ มัดกล้ามเนื้อ Dilator naris ที่บริเวณปีกจมูกข้างละ 5-10 ยูนิต และมัดกล้ามเนื้อ Levator labii superioris alaeque nasi muscle ซึ่งอยู่บริเวณร่องแก้ม โดยใช้ยาข้างละ 2-4 ยูนิต ทั้งนี้ปริมาณของตัวยาที่ใช้ แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสมของคนไข้ในแต่ละเคสค่ะ
คำถามพบบ่อย
ขอบคุณข้อมูลจาก นายแพทย์วัชพล ธนมิตรามณี (คุณหมอเมฆ) แพทย์ผู้สอนฟิลเลอร์และร้อยไหม